HFT คืออะไร ทำไมหลายๆ โบรกเกอร์จึงแบน HFT

สืบเนื่องจากการแข่งเทรดด้วย EA ที่เรามีการเพิ่มกติกาการแข่งขันว่า ห้ามใช้ HFT EA ในการแข่ง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันหลายๆ ท่านก็อยากจะรู้ว่า HFT คืออะไร แล้วมีการเกณฑ์การจำแนกได้อย่างไร ทำไมจึงแบนล่ะ? เดี๋ยวเรามาไล่เรียงกันตั้งแต่เริ่มเลยนะครับ (เนื้อหานี้สนับสนุนโดย คู่มือสอนเขียน ea ด้วย fxDreema เล่ม 1 และ เล่ม 2)

คำนิยามของ High-Frequency Trading (HFT)

High-Frequency Trading (HFT) คือ กลุ่มพฤติกรรมการเทรดเชิงอัลกอริทึมที่มุ่งเน้นเรื่องของ “ความเร็วการเทรดที่สูงมาก” และ “ปริมาณคำสั่งที่เยอะ” โดยอาศัยโครงสร้างเทคโนโลยี latency ต่ำ (เช่น colocation ใกล้ matching engine, การส่งคำสั่งผ่าน FIX/ฟีดความเร็วสูง) เพื่อแสวงหากำไรจากความเคลื่อนไหวขนาดเล็กจิ๋วมากๆ ในระดับไมโครของตลาด (market microstructure)

จากรายงาน Markets Committee ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) สรุปว่า HFT ใน forex (FX) มีลักษณะสำคัญคือ ขนาดคำสั่งเล็กแต่จำนวนมาก, มาร์จินต่อดีลต่ำ, การประมวลผลรวดเร็วระดับมิลลิวินาที, และระยะเวลาถือครองความเสี่ยงสั้นมาก หรือ short risk-holding periods (BIS Markets Committee, 2011)

ในมุมมองกำกับดูแล ESMA จัด HFT เป็น “ส่วนย่อย (subset) ของ algorithmic trading” ที่ระบุตัวได้จากชุดคุณลักษณะร่วม ได้แก่ อัตราการส่งคำสั่งสูงมาก, อัตราการยกเลิกคำสั่งสูง, การใช้บริการ colocation/proximity, และระยะเวลาถือครองสั้นมาก พร้อมทั้งเสนอ กรอบวิธีเชิงปริมาณสำหรับ identification ของ HFT ในข้อมูลตลาด (ESMA, 2014) อีกด้วยครับ

พูดง่ายๆ ก็คือ “HFT = ความถี่การส่งคำสั่งสูง + ความหน่วงต่ำ + การตัดสินใจโดยอัลกอริทึม + พฤติกรรมสั่ง–ยกเลิกจำนวนมากภายในเวลาสั้นมาก” ไม่ใช่ชื่อของกลยุทธ์เดียว แต่เป็น “คลัสเตอร์ของพฤติกรรม” ที่สามารถพบในหลายกลยุทธ์ (เช่น latency arbitrage, market making เชิงความถี่สูง, หรือสถิติอาร์บิทราจที่ทำงานในกรอบเวลาไม่กี่วินาที) ซึ่งสอดคล้องกับวรรณกรรมทั้งด้านนโยบายและเศรษฐศาสตร์การเงินร่วมสมัย (BIS Markets Committee, 2011; ESMA, 2014)

 

การจำแนกว่าอะไรคือ HFT

การจำแนกว่ากลยุทธ์หรือ EA ใดเข้าข่าย HFT สามารถทำได้โดยดูจาก คุณลักษณะเชิงพฤติกรรม ของระบบเทรด ไม่ใช่จากชื่อเรียกกลยุทธ์เท่านั้น งานวิจัยและเอกสารทางการเงินได้ให้เกณฑ์สังเกตดังนี้

ระยะเวลาถือไม้ หรือ Holding Period

  • ลักษณะ HFT: ถือไม้ หรือ order ระยะเวลาสั้นมาก (มิลลิวินาทีถึงไม่กี่วินาที) ก่อนปิดไม้
  • เอกสารอ้างอิง: BIS (2011) รายงานว่า HFT traders in FX typically hold positions for seconds or less ซึ่งแตกต่างจากการเทรดทั่วไปที่อาจถือครองนาทีถึงชั่วโมง (BIS Markets Committee, 2011)
  • ผลต่อการจำแนก: หาก EA ปิดออเดอร์เกือบทันที (เฉลี่ย <10 วินาที) จะเข้าข่าย HFT

จำนวนคำสั่ง (Order Frequency และ Message Rates)

  • ลักษณะ HFT: ส่งคำสั่งจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น และมักยกเลิกคำสั่งเกิน 90% ของที่ส่งไป
  • เอกสารอ้างอิง: ESMA (2014) นิยามว่า HFT มี “high order-to-trade ratios” และ “very high message rates” ซึ่งทำให้ปริมาณคำสั่งที่ส่งไปมีมากกว่าที่ถูกจับคู่จริงหลายเท่า (European Securities and Markets Authority, 2014)
  • ผลต่อการจำแนก: หาก EA ส่ง order มากกว่าหลายสิบครั้งต่อนาที --> ถือว่าเป็น HFT
ความเร็วของ HFT
รูปที่ 1 เปรียบเทียบความเร็วการส่งสัญญาณของ HFT, Investment Bank (IB), Other firm (European Securities and Markets Authority, 2014)

 

การใช้โครงสร้างทางเทคโนโลยี (Latency / Colocation)

  • ลักษณะ HFT: อาศัย ความได้เปรียบด้านความเร็ว (latency advantage) เช่น colocation ใกล้เซิร์ฟเวอร์ exchange หรือการใช้ FIX API เพื่อเลี่ยงความหน่วงของแพลตฟอร์มทั่วไป
  • เอกสารอ้างอิง: Carver (2014) ชี้ว่า retail traders cannot realistically compete with HFT because they lack colocation and low-latency infrastructure ดังนั้น EA ที่ออกแบบมาเพื่อ latency arbitrage ในโบรกเกอร์จึง --> เข้าข่าย HFT (Carver, 2014)
  • ผลต่อการจำแนก: หาก EA ออกแบบมาเพื่อ exploit ความต่างของราคาที่เกิดจาก latency --> ถือเป็น HFT

กลยุทธ์ที่มักใช้ใน HFT

  • Latency Arbitrage --> ใช้ข้อมูลที่มาถึงเร็วกว่า เพื่อ arbitrage ระหว่างราคา bid/ask หรือราคาข้ามตลาด
  • Market Making เชิงความถี่สูง --> วาง bid/ask ตลอดเวลา กินกำไรจาก spread เล็ก ๆ แต่หลายครั้ง
  • Statistical Arbitrage ความถี่สูง --> จับความเบี่ยงเบนสั้น ๆ ระหว่างสินทรัพย์ที่สัมพันธ์กัน
  • ตาม Chan (2013) ใน Algorithmic Trading --> กลยุทธ์เหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในระดับ retail ถ้าไม่มีโครงสร้าง ultra-low latency (Chan, 2013)

 

ความแตกต่างระหว่าง HFT กับ Scalping

แม้ว่าบางครั้ง HFT และ Scalping จะถูกมองว่า “เหมือนกัน” เพราะต่างก็พยายามทำกำไรจากการขยับของราคาแบบเล็ก ๆ ในตลาด แต่ในเชิงวิชาการและการปฏิบัติจริง ทั้งสองมี ความแตกต่างอย่างชัดเจน ดังนี้ครับ

Holding Period

  • HFT: ระยะถือครองสั้นมาก ระดับ มิลลิวินาที ไม่กี่วินาที
    • BIS (2011) พบว่าในตลาด FX, HFT trader มักถือ position เพียง ไม่กี่วินาทีหรือน้อยกว่า (BIS Markets Committee, 2011)
  • Scalping: ระยะถือครองนานกว่า โดยทั่วไป หลายสิบวินาที หลายนาที (เช่น 1–15 นาที)
    • Chan (2013) ระบุว่า retail scalping strategies ใน MT4/MT5 สามารถทำกำไรได้แม้ไม่มี latency advantage เพราะถือครองเป็นนาที ไม่ใช่วินาที (Chan, 2013)

Order Frequency

  • HFT: มี order frequency สูงมาก (หลายสิบ หลายร้อย order ต่อวินาที) พร้อมอัตราการยกเลิกคำสั่ง หรือ โดน reject คำสั่ง สูง
    • ESMA (2014) ยืนยันว่า HFT มี order-to-trade ratio สูงผิดปกติ และส่งคำสั่งด้วยความถี่สูงมาก (European Securities and Markets Authority, 2014)
  • Scalping: อยู่ในระดับ หลักสิบ หลักร้อย order ต่อวัน (ขึ้นกับกลยุทธ์ EA)
    • Davey (2014) ยกตัวอย่างระบบ scalping ของ retail ที่มักมีเพียง 10–50 trades ต่อวัน (Davey, 2014)

กลยุทธ์ที่ใช้ (Strategy Types)

  • HFT: Latency arbitrage, high-frequency market making, statistical arbitrage ที่ทำงานในระดับมิลลิวินาที
  • Scalping: Breakout trading, mean reversion ระยะสั้น, trend-following intraday

ดังนั้นสรุปสั้นๆแบบนี้ครับว่า หาก EA เปิด–ปิด order ภายใน ไม่กี่วินาทีและยิง order จำนวนมาก --> ถือว่าเป็น HFT แต่ถ้า EA เปิด–ปิด order ระดับนาทีและจำนวนต่อวันอยู่ในหลักสิบ–ร้อย --> ถือว่าเป็น Scalping

 

HFT EA สามารถใช้ทำกำไรในตลาด Forex จริง ๆ ได้ไหม

การใช้ HFT EA ในตลาด Forex เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน เพราะแม้ HFT จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นและฟิวเจอร์ส แต่ในตลาด FX (โดยเฉพาะ retail Forex) มีข้อจำกัดเชิงโครงสร้างหลายอย่าง

HFT ในระดับ Institutional FX

  • ในตลาด FX ระดับ interbank HFT มีบทบาทชัดเจน โดยเฉพาะใน EBS และ Reuters Matching platforms ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักของสถาบันการเงิน
  • รายงานของ BIS (2011) ระบุว่า HFT เป็นผู้เล่นที่สำคัญใน FX spot market และมีส่วนช่วยเพิ่ม liquidity และ tight spreads ในช่วงสภาวะปกติ (BIS Markets Committee, 2011)
  • อย่างไรก็ตาม ในช่วงตลาดผันผวน HFT อาจ ถอนตัวออก ทำให้สภาพคล่องหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk)

การ HFT ในระดับ Retail Forex

  • ในตลาด Retail FX (ผ่าน MT4/MT5 brokers) การใช้ HFT EA มักไม่สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน เนื่องจาก
    • Latency: Retail trader ไม่มี colocation และต้องผ่าน server ของ broker --> ความเร็วแพ้สถาบัน (พูดง่ายๆ ว่า เร็วสู้รายใหญ่ไมได้)
    • Execution policy: Broker ส่วนใหญ่ตรวจจับและ ห้าม latency arbitrage หรือ micro-scalping ที่เปิดปิดภายในเสี้ยววินาที
    • Slippage และ Spread widening: ในสภาพตลาดจริง ค่าธรรมเนียม + slippage ทำให้กำไรของ HFT EA retail หายไป
  • Carver (2014) ย้ำว่า retail traders ไม่สามารถแข่งขันกับ HFT ระดับสถาบันได้ เพราะขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านความเร็ว (Carver, 2014)
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีและ hft
รูปที่ 2 แสดงวิวัฒนาการของ โครงสร้างตลาด FX (Forex Market) จากปี 1990s จนถึงช่วง 2000s และสามารถอธิบายว่าทำไมปัจจุบันถึงมีผู้เล่นใหม่ ๆ เช่น HFT, hedge fund และ retail trader เข้ามาได้ทำให้การแข่งขันการเทรดเข้มข้นขึ้น (BIS Markets Committee, 2011)

 

Scalping vs HFT ใน Forex จริง

  • Scalping EA (ถือครองเป็นนาที) ยังสามารถทำกำไรได้ใน retail Forex หากออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมและเลือก broker ที่มีเงื่อนไขดี
  • HFT EA ที่พยายามทำกำไรจาก millisecond arbitrage มักเจอกับ
    • Requotes
    • Slippage
    • การยกเลิกผลกำไรโดย broker (ถือเป็น unfair execution)

 

ทำไม Retail Forex หลาย ๆ โบรกเกอร์จึงแบน HFT

แม้ HFT จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบการซื้อขายในระดับสถาบัน หรือ interbank FX แต่ โบรกเกอร์ Forex สำหรับรายย่อย หรือ retail brokers จำนวนมากมักจะ ห้ามหรือจำกัดการใช้งาน HFT EA ด้วยเหตุผลดังนี้ครับ

ปัญหา Latency Arbitrage

  • HFT EA สำหรับ retail ส่วนใหญ่มุ่งทำ latency arbitrage คือหาช่องว่างราคาที่เกิดจากความล่าช้า (latency) ระหว่าง data feed ของ broker กับราคาจริงในตลาด
  • Broker มองว่านี่คือ “unfair trading” เพราะกำไรไม่ได้มาจากการวิเคราะห์ตลาด แต่จากความไม่เสถียรของระบบ quote price
  • ESMA (2014) ระบุว่า HFT มักใช้โครงสร้าง latency advantage เช่น colocation และ ultra-fast connectivity เพื่อทำกำไรจากความต่างของราคา (European Securities and Markets Authority, 2014)

ความเสี่ยงด้านต้นทุนและการบริหารคำสั่ง

  • เมื่อ EA ส่งคำสั่งจำนวนมากต่อวินาที ระบบของ broker ต้องแบกรับภาระการประมวลผลสูง --> เพิ่ม ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน
  • อัตราการ cancel order สูงมาก ทำให้ liquidity ของ broker เสียสมดุล (BIS Markets Committee, 2011)

ความเสี่ยงต่อสภาพคล่อง (Liquidity Risk)

  • ในช่วงตลาดผันผวน HFT EA มักจะ ถอนคำสั่งออกทันที --> ทำให้ broker ต้องรับความเสี่ยงด้านราคาเอง (market risk)
  • สิ่งนี้ตรงกับข้อสังเกตของ BIS (2011) ที่ว่า HFT สามารถเพิ่ม liquidity ในช่วงปกติ แต่จะหายไปทันทีเมื่อเกิดความผันผวน (BIS Markets Committee, 2011)

ความไม่สอดคล้องกับโมเดลธุรกิจของ Broker

  • Broker ประเภท Market Maker โดยตรงจะเสียเปรียบหนักหากเจอ HFT EA ที่ exploit latency --> เพราะ broker ต้องเป็นคู่สัญญาโดยตรง
  • แม้ในโมเดล ECN/STP, broker บางแห่งก็ยังห้าม HFT เพราะ slippage, toxic flow และความไม่พอใจจาก liquidity providers
hft ea ที่สอนในคอร์สพรีเมี่ยม
รูปที่ 3 ตัวอย่างการใช้งาน HFT EA บนตลาด forex โดยรันอยู่ในโบรกเกอร์ Exness บัญชี cent ซึ่ง EA ตัวนี้ถือว่าเป็น EA สามารถทำกำไรได้ในระดับที่ดี ถึงแม้จะมีบางจุดของช่วงเวลาเกิน drawdown ที่สูงหน่อย แต่ก็ถือว่าใช้ได้นะ ใครอยากรู้เทคนิคต้องเข้ามาเรียนที่คอร์ส premium ของเราแล้วล่ะ

 

สรุป

High-Frequency Trading (HFT) คือ รูปแบบการเทรดเชิงอัลกอริทึมที่เน้นความเร็วสูงและการส่งคำสั่งจำนวนมหาศาล โดยมีระยะเวลาถือครองเพียงไม่กี่วินาทีหรือน้อยกว่า ซึ่งแตกต่างจาก Scalping ที่แม้จะเป็นการเทรดระยะสั้นเช่นกันแต่ถือครองเป็นนาทีและทำงานได้จริงในระดับ retail

งานวิจัยของ BIS และ ESMA ชี้ชัดว่า HFT ถูกจำแนกจากการมี holding period สั้นมาก, order frequency สูง, อัตราการยกเลิกคำสั่งมาก และการใช้โครงสร้าง latency advantage

แม้ HFT สามารถสร้างกำไรได้จริงในตลาด FX ระดับสถาบัน แต่ในตลาด retail กลับแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านโครงสร้าง ความเร็ว และการบริหารคำสั่งของ broker

ด้วยเหตุนี้โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่จึงเลือกแบน HFT EA เพราะถือว่าเป็นการ exploit ระบบมากกว่าการเทรดที่แท้จริง และเพื่อปกป้องเสถียรภาพของสภาพคล่องในตลาด

 

อ้างอิง

  • BIS Markets Committee. (2011). High-frequency trading in the foreign exchange market. Bank for International Settlements. https://www.bis.org/publ/mktc05.pdf
  • European Securities and Markets Authority. (2014). High-frequency trading activity in EU equity markets (ESMA Economic Report No. 1). https://www.esma.europa.eu/sites/default/files/library/2015/11/esma20141_-_hft_activity_in_eu_equity_markets.pdf
  • Carver, R. (2014). Leveraged Trading: A professional approach to trading FX, stocks on margin, CFDs, spread bets and futures for all traders. Harriman House.
  • Chan, E. P. (2013). Algorithmic Trading: Winning Strategies and Their Rationale. John Wiley & Sons.
  • Davey, K. J. (2014). Building Winning Algorithmic Trading Systems: A Trader’s Journey from Data Mining to Monte Carlo Simulation to Live Trading. John Wiley & Sons.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *