รีวิว Bitkub ยังน่าใช้อยู่ไหม ในปี 2024

รีวิว Bitkub ยังน่าใช้อยู่ไหม ในปี 2024

หากคุณเป็นคนที่สนใจในการลงทุน crypto currency เชื่อว่าต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับ Bitkub ที่เป็นหนึ่งในกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ออกแบบมาสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเทรดจำนวนมาก

ในบทความนี้ไม่ได้มาสอนวิธีการสร้างบัญชี หรือสอนวิธีการใช้งาน แต่จะมารีวิวในเรื่องของการใช้งาน ฟังก์ชัน การซื้อขาย และองค์ประกอบโดยรวมว่ามีความน่าใช้ยากง่ายเท่าไหร่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นทั้งการใช้งานในคอมพิวเตอร์ และแอปพลิเคชันบนมือถือ ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันต่อได้เลย


ความสวยงาม และดีไซน์ UX / UI

เมื่อ Log in เข้ามาแล้ว หน้าหลักจะแสดงกราฟและราคาของ Bitcoin พร้อมช่องทำการซื้อขายทางขวาได้เลย และด้านล่างจะแสดงราคาตลาด (Market Price) ของเหรียญอื่น ๆ ที่สามารถเทรดได้ใน Bitkub เลื่อนไปข้างล่างอีกจะแสดงสัดส่วนการลงทุนของพอร์ท หรือ กระเป๋าเงินของเราว่ามีอะไรบ้าง สัดส่วนเท่าไหร่บ้าง

รูปที่ 1 สำหรับมือใหม่ไม่ต้องกลัวว่าจะงงเลย เพราะสะอาดตา ไม่รก เข้าใจง่าย มีภาษาไทย
รูปที่ 1 สำหรับมือใหม่ไม่ต้องกลัวว่าจะงงเลย เพราะสะอาดตา ไม่รก เข้าใจง่าย มีภาษาไทย

โดยรวมแล้วมีความสะอาด สบายตา แบ่งเป็นกรอบและโซนได้ชัดเจนเข้าใจง่าย หากไม่ชอบแสงขาวหรือคิดว่าสว่างมากเกินไป สามารถเปลี่ยนเป็น Dark Mode ได้ที่รูปพระจันทร์มุมขวาบน รวมไปถึงเปลี่ยนภาษาการใช้งานได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ


การซื้อ-ขาย

เราสามารถเข้าสู่หน้ากระดานการซื้อขายได้โดยคลิก “Market” ที่เมนูบาร์ด้านบน ในหน้าต่างการซื้อขายจะค่อนข้างมีความซับซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งจะแบ่งเป็นสามส่วนคือ ฝั่งซ้าย จะบอกราคา Bid/Ask ที่เกิดขึ้นแบบ Real Time ตรงกลาง แสดงกราฟราคาเหรียญ  และ ช่องใส่ตัวเลข จำนวนเงิน และปริมาณเหรียญที่อยากจะทำการซื้อขาย ซึ่งมีการเทรดให้เลือกทั้งแบบ Limit, Market และ Spot-Limit ทุกเหรียญจะจับคู่กับเงินไทยบาท เช่น BTC/THB, ETH/THB ส่วนสุดท้ายคือฝั่งขวา แสดงรายการเหรียญ สามารถค้นหา และเลือกเก็บไว้เป็น Favorites ได้

รูปที่ 2 หน้าต่างกระดานเทรดไม่มีอะไรแปลกประหลาด หน้าตาคล้าย ๆ กับเจ้าอื่น ๆ
รูปที่ 2 หน้าต่างกระดานเทรดไม่มีอะไรแปลกประหลาด หน้าตาคล้าย ๆ กับเจ้าอื่น ๆ

ในการซื้อขายแบบ Limit และ ใส่รายละเอียดที่เราต้องการทำธุรกรรม เช่น เลือกเหรียญที่ต้องการทำการซื้อขาย ใส่จำนวนเงิน จำนวนเหรียญเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการกด Buy หรือ Sell การซื้อแบบ Sopt-Limit ทำเหมือน Limit แต่เพิ่มในส่วนของการตั้งราคา Take Profit (TP) และ Stop Lost (SL)

แต่หากซื้อขายแบบ Market แค่ใส่จำนวนเหรียญ หรือจำนวนเงิน และกดซื้อ-ขายได้เลย

โดยรวม ๆ แล้วมีฟังก์ชันการใช้งานที่กระดานเทรดทั่วไปควรจะมี เช่น การเทรดแบบ Limit, Spot-Limit, Market มี Indicator ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ แต่ไม่มีการเทรดแบบ Future ทำให้การ Short-Long หรือ Laverage จะไม่สามารถทำที่ Bitkub ได้


การฝากถอนเงินบาท crypto currency

การ ฝาก-ถอน เงินบาท

ไปที่หน้า My Wallet แล้วกด “ฝาก” หรือ “Deposite” ของเหรียญ Thai Bath (THB) ในหน้าต่อไปเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำการฝากเงินโดยโอนผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งข้อเสียของตรงนี้คือต้องฝากขั้นต่ำ 50,000 บาทขึ้นไป ส่วนตามหน้าเว็บเขียนไว้ว่าจะใช้เวลาทำธุรกรรมประมาณไม่เกิน 3 วัน ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้น

หรือจะโอนผ่าน QR Code ซึ่งไม่ได้กำหนดขั้นต่ำในการฝากเอาไว้ และใช้เวลาน้อยกว่ามาก ตามหน้าเว็บเขียนไว้ว่าจะใช้เวลาทำธุรกรรมประมาณไม่เกิน 24 ชั่วโมง เมื่อลองฝากเงินจริงแล้วอยู่ที่ไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้นเอง

ในส่วนของการถอนเงินบาท กด “ถอน” หรือ “Withdraw” แต่จะมีการถอนเงินรูปแบบเดียวคือ ทาง Bitkub จะโอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคารของเราที่ผูกไว้กับแพลทฟอร์ม ซึ่งหากเรามีหลายบัญชี ก็เลือกได้ว่าจะถอนเงินเพื่อเอาเข้าบัญชีไหน ซึ่งจำกัดวงเงินการถอนสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการถอนอยู่ที่ 20 บาท ต่อครั้ง และใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน แต่ในความจริงแล้วแทบไม่ถึง 1 นาที

แต่ก่อนจะถอนเงินออกมาได้นั้น จะต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยด้วยระบบ 2FA (two-factor authentication) หรือการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน คือการที่เราต้องใส่ชุดรหัสที่ได้จาก 2 ที่ คือ Google authenticator และ จากอีเมล ให้ถูกต้องภายในเวลา จึงจะทำการถอนต่อไปได้

รูปที่ 3 เลือกฝากเงินได้ 2 ช่องทาง คือ QR Code และ โอนผ่านบัญชี แต่แนะนำให้ใช้ QR Code เพราะไม่มีขั้นต่ำการฝาก และใช้เวลาสั้นกว่า
รูปที่ 3 เลือกฝากเงินได้ 2 ช่องทาง คือ QR Code และ โอนผ่านบัญชี แต่แนะนำให้ใช้ QR Code เพราะไม่มีขั้นต่ำการฝาก และใช้เวลาสั้นกว่า

การ ฝาก-ถอน คริปโต

หากเป็นเหรียญที่เราต้องการฝากเป็นครั้งแรก เราต้องทำการกด “สร้าง Address” หรือ “Generate Address” เมื่อกดแล้วเราจะได้ชุดรหัสที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสลับกับตัวเลขมา นั่นคือเลขกระเป๋าของเรา เปรียบเสมือนเลขบัญชี และคัดลอกเลขกระเป๋านั้นไปใช้เพื่อทำการโอนเหรียญจากแพลตฟอร์มอื่น กระดานเทรดอื่น หรือกระเป๋าดิจิทัลอื่น  เข้ามาที่กระเป๋า Bitkub

ส่วนการถอนเหรียญนั้น แค่ทำการใส่เลขกระเป๋าปลายทางที่เราต้องการโอนเหรียญไป และใส่จำนวนเหรียญ และกดถอนได้เลย ระยะเวลาการทำธุรกรรมทั้งถอนและฝากขึ้นอยู่กับประมาณการทำธุรกรรมของ Blockchain ในช่วงเวลานั้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาไม่กี่นาที ไปจนถึงหลายชั่วโมง

รูปที่ 4 การโอนเหรียญคริปโทเข้า และ ออก ต้องระวังในเรื่องของ Address และ Chain ให้ดี ตรวจสอบให้ถูกต้องทุกครั้ง
รูปที่ 4 การโอนเหรียญคริปโทเข้า และ ออก ต้องระวังในเรื่องของ Address และ Chain ให้ดี ตรวจสอบให้ถูกต้องทุกครั้ง

ข้อดี

  • ใช้ภาษาไทยได้ เพราะเป็นของคนไทย ทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่าสำหรับมือใหม่
  • โอนเงินเข้าออกจาก Bitkub ไปที่บัญชีธนาคารได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
  • มีการบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ในหลายช่องทาง เช่น Call center, Live Chat
  • ได้รับการรับรองจาก กลต. จึงมั่นใจเรื่องความปลอดภัย และมาตรการการชดเชยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ

ข้อเสีย

  • ระบบหลังบ้านยังไม่เสถียร ระบบล่มหลายครั้งเมื่อมี traffic เข้ามาครั้งละมาก ๆ ส่งผลให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนไม่สามารถซื้อขายได้ในช่วงเวลานั้น และอาจส่งผลเสียตามมา
  • มีการระงับการฝากถอนเงินบาทบ่อยจนเกินไป
  • ยังไม่มีระบบการเทรดแบบ Futuer สายซิ่งต้องไปเล่นที่อื่นแทน
  • ยังไม่มีระบบ Staking ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตัวกระดาน และดึงดูดให้คนมาลงทุนใน Bitkub มากขึ้น

สรุป

Bitkub อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ ณ ปัจจุบัน แต่เชื่อว่าด้วยวิสัยทัศน์ของเหล่าผู้บริหาร จะแก้ไขและสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ผู้ที่จะเริ่มต้นใช้งาน และผู้ที่กำลังใช้งานอยู่ ขอให้วางแผนและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ใน Bitkub และการลงทุนทุกอย่าง  ไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาใส่ในสินทรัพย์เพียงที่เดียว ขอให้นักลงทุนทุกท่านเทรดอย่างมีสติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *