สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าทีมเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” กำลังพิจารณาแนวทางใหม่ในการเพิ่มภาษีศุลกากรแบบ “ขั้นบันได” โดยจะเพิ่มอัตราภาษีเป็นรายเดือนในช่วง 2% ถึง 5% เพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการค้าและลดผลกระทบต่อ เงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน
แนวทางการเพิ่มภาษี
- การขึ้นภาษีแบบ “ขั้นบันได” นี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและอยู่ระหว่างการพิจารณาโดย สก็อตต์ เบสเซนต์, เควิน ฮัสเซตต์, และ สตีเฟน มิรัน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจชั้นนำของทีมทรัมป์
- แนวคิดดังกล่าวอาจอาศัยอำนาจทางกฎหมายตาม พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ เพื่อเร่งการดำเนินนโยบาย
ประเด็นสำคัญที่กำลังถกเถียง
- เป้าหมายของการขึ้นภาษี
-
- การเพิ่มภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด จากจีน 60% และ 25% จากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งทรัมป์ประกาศว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง (20 ม.ค. 2025)
- การอ้างเหตุผลเรื่องการปราบปรามการลักลอบค้ายา เช่น เฟนทานิล ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่เขาต้องการจัดการ
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
-
- นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการเพิ่มภาษีจะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก
- คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายอาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ความเสี่ยงที่มากขึ้น
- ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
-
- แม้การเพิ่มภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไปจะถูกออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเฟ้อ แต่หากประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว
- ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับโลก
บทบาทของทรัมป์ในการเจรจา
- ทรัมป์วางเป้าหมายสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจโลก โดยใช้ภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญ
- การดำเนินนโยบายลักษณะนี้อาจเป็นการเริ่มต้น “สงครามการค้า” ครั้งใหม่ ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อคู่ค้าของสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงระบบเศรษฐกิจโลกโดยรวม
ผลกระทบ
- ผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ: ความผันผวนในตลาดการเงินและความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ
- ผลต่อเศรษฐกิจโลก: อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
- ความเสี่ยงในอนาคต: หากมาตรการดังกล่าวล้มเหลว อาจเกิดความตึงเครียดในเชิงเศรษฐกิจและการเมืองที่ขยายตัวมากขึ้น
นักลงทุนและภาคธุรกิจควรจับตามองการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก.
บทวิเคราะห์ข่าวทรัมป์ต่อตลาด Forex
เหตุการณ์สำคัญในอีก 5-6 วัน
- โลกเศรษฐกิจอาจผันผวนหนัก โดยเฉพาะตลาด FOREX
- ข่าวการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เป็นหัวข้อใหญ่ตั้งแต่ต้นปี 2025
นโยบายภาษีของสหรัฐฯ
- เริ่มเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาอีก 25%
- เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60% (จากเดิม 25%)
- ไม่ใช่ทุกสินค้า แต่จะระบุเฉพาะบางประเภท
ผลกระทบและท่าทีของจีน
- การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่ต่อจีน
- จีนเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการร่วมมือในกลุ่ม BRICS
- BRICS: บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, และแอฟริกาใต้
- วัตถุประสงค์: ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างสมดุลอำนาจใหม่ทางเศรษฐกิจ
บทบาทของ BRICS
- สมาชิกเพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทย
- มีเป้าหมายชัดเจนในการลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในระดับโลก
- ประชากรในกลุ่ม BRICS รวมกันมีจำนวนมากกว่าสหรัฐฯ
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
- การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ และจีนอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลก
- ความไม่ลงตัวของผลประโยชน์ อาจนำไปสู่สงครามการค้า และอาจลุกลามไปถึงสงครามระดับโลก (WWIII)
แนวโน้มอนาคต
- อาจเป็นการจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ “The New World Order”
- บทบาทของสหรัฐฯ และจีนจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2025 และหลังจากนั้น
วิเคราะห์ผลกระทบต่อตลาดเงิน NZD, CAD, และ AUD จากข่าวการขึ้นกำแพงภาษี
เงิน CAD (Canadian Dollar)
ผลกระทบโดยตรง:
- การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา (25%) จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของแคนาดา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
- ความต้องการสินค้าส่งออกของแคนาดาในตลาดสหรัฐฯ อาจลดลง ส่งผลให้เงิน CAD อ่อนค่าลงในระยะสั้น
ความเสี่ยงเพิ่มเติม:
- ราคาน้ำมันดิบ (ซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับ CAD) อาจได้รับผลกระทบ หากมีความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มเติม
เงิน AUD (Australian Dollar)
ผลกระทบทางอ้อมจากจีน:
- จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของออสเตรเลีย ดังนั้นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน (60%) จะกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและลดความต้องการวัตถุดิบ เช่น แร่เหล็ก และถ่านหิน จากออสเตรเลีย
- เงิน AUD มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียอาจชะลอตัว
ความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโลก:
- AUD เป็นสกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง (risk-sensitive currency) หากตลาดเผชิญความไม่แน่นอน AUD จะถูกขายออกในตลาด Forex
เงิน NZD (New Zealand Dollar)
ผลกระทบต่อการส่งออก:
- นิวซีแลนด์พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ ดังนั้น หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจากการถูกขึ้นภาษี การส่งออกจากนิวซีแลนด์อาจลดลง
- เงิน NZD อาจอ่อนค่าลงจากความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของรายได้จากการส่งออก
ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AUD:
- เนื่องจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด หาก AUD อ่อนค่า NZD มักจะอ่อนค่าตามไปด้วย
ภาพรวมและข้อสังเกตเพิ่มเติม
ตลาดเงินทั้งหมดอาจผันผวน:
- NZD, CAD, และ AUD มีความอ่อนไหวต่อข่าวเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับจีนและสหรัฐฯ
- ความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจเพิ่มแรงเทขายในตลาด Forex ต่อกลุ่มสกุลเงินเหล่านี้
โอกาสของการฟื้นตัว:
- หากตลาดมองว่าประเทศในกลุ่ม BRICS สามารถรับมือกับการกดดันของสหรัฐฯ ได้ดี ความเสี่ยงอาจลดลงในระยะกลาง และเงิน AUD และ NZD อาจกลับมาแข็งค่าขึ้น
ข่าวนี้จะส่งผลต่อค่าเงินใดบ้าง และมากน้อยเพียงใด
เงิน USD (US Dollar)
- ผลกระทบโดยตรง: นโยบายเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สะท้อนถึงท่าทีปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ (Protectionism) ซึ่งอาจส่งผลให้เงิน USD แข็งค่าขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากเงินทุนไหลเข้าสู่สหรัฐฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
- ผลกระทบในระยะยาว: หากการขึ้นกำแพงภาษีกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และลดการส่งออกของสหรัฐฯ อาจทำให้เงิน USD อ่อนค่าลงในระยะยาว
เงิน CNY (Chinese Yuan)
- ผลกระทบโดยตรง: การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60% อาจกดดันเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในระยะสั้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าจีนในตลาดโลก
- ผลกระทบในระยะยาว: จีนอาจใช้มาตรการตอบโต้ เช่น การส่งเสริม BRICS หรือเพิ่มการพึ่งพาเงินหยวนในกลุ่มพันธมิตร ซึ่งอาจช่วยพยุงค่าเงินหยวนได้
เงิน CAD (Canadian Dollar)
- ผลกระทบโดยตรง: การขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา 25% จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจแคนาดา ทำให้เงิน CAD อ่อนค่าลงในระยะสั้น
- ผลกระทบเพิ่มเติม: ราคาน้ำมัน (ที่มีความสัมพันธ์กับ CAD) อาจลดลงหากเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ CAD ถูกกดดันเพิ่มเติม
เงิน MXN (Mexican Peso)
- ผลกระทบโดยตรง: การเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกอีก 25% จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเม็กซิโกโดยตรง ทำให้เงิน MXN อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ความเสี่ยงเพิ่มเติม: เม็กซิโกอาจสูญเสียโอกาสทางการค้าในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าหลัก
เงิน AUD (Australian Dollar)
- ผลกระทบโดยอ้อม: การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน (คู่ค้าหลักของออสเตรเลีย) จะส่งผลลบต่อความต้องการสินค้าส่งออกของออสเตรเลีย เช่น แร่เหล็กและถ่านหิน ทำให้ AUD อ่อนค่าลง
- ผลกระทบเพิ่มเติม: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกจะลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง (risk assets) และ AUD ซึ่งเป็นสกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง
เงิน NZD (New Zealand Dollar)
- ผลกระทบโดยอ้อม: ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนจะทำให้ NZD ได้รับผลกระทบคล้าย AUD และอ่อนค่าลงจากความกังวลเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าเกษตร
- ปัจจัยเสริม: ตลาดการเงินอาจลดความต้องการ NZD ในฐานะสกุลเงินของประเทศที่พึ่งพาการค้ากับจีนและออสเตรเลียเงิน EUR (Euro)
- ผลกระทบเพิ่มเติม: หากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจลุกลาม เงินยูโรอาจถูกกดดัน เนื่องจากยุโรปมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก และอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบต่อ Wisdom EA
วันที่ 14 ม.ค. 2025 ตัว EA ติดไม้ค่อนข้างเยอะ บางส่วนกำไรไป แต่สำหรับคู่เงินที่มี NZD, CAD, และ AUD ได้รับผลกระทบจากทีมเศรษฐกิจทรัมป์เต็ม ๆ จึงติดลบไป 17% ซึ่งหมายความว่าเราถูก กองทุน Axi select กักตัวเอาไว้ 14 ก่อน หากพ้นระยะกักตัวไปแล้วจึงจะสามารถทำการสอบใหม่ได้ครับ
แนวทางการรัน Wisdom EA ในสภาวะทรัมป์
- งดรันคู่เงินที่มี NZD, CAD, และ AUD 1 – 2 weeks
สรุป
ทีมเศรษฐกิจของทรัมป์กำลังศึกษาแผนขึ้นภาษีแบบ “ขั้นบันได” เพื่อเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรทีละ 2-5% รายเดือน หวังใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้าและลดผลกระทบต่อเงินเฟ้อ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่ามาตรการนี้อาจกระตุ้นเงินเฟ้อและสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาสหรัฐฯ เช่น แคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงจีนที่เป็นเป้าหมายหลักของนโยบายดังกล่าว ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้ตลาดการเงินโลกผันผวน โดยเฉพาะสกุลเงิน NZD, CAD, และ AUD ที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
"เริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่ชัดเจน"
ให้เราได้ดูแลคุณ...
eaforexcenter.com