วิธีสร้างรายได้จาก DeFi – Cryptocurrency

วิธีสร้างรายได้จาก Cryptocurrency

วิธีสร้างรายได้จาก Cryptocurrency นั้นทำอย่างไร ในโลกของการลงทุนไม่ว่าจะเป็นในด้านอสังหาฯ  หุ้น  ทอง หรือแม้แต่ใน Cryptocurrency มักมีรูปแบบการลงทุนและสร้างรายได้ที่หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่นอสังหาฯก็ไม่ได้มีแต่การซื้อบ้าน หรือคอนโดเพื่อขายทำกำไร ยังมีการปล่อยเช่า รวมไปถึงการเป็นนายหน้าอสังหาฯ หรือหุ้นเองก็มีหุ้นปันผลที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเรา

ในโลกของ Cryptocurrency เองก็เช่นกันนอกจากการซื้อขายเหรียญแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีการที่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ โดยเราได้สรุปมาให้ในบทความนี้แล้ว มีทั้งหมด 7 วิธีด้วยกัน แต่จะไม่ได้ลงรายละเอียดแบบจับมือทำ แค่ชี้ช่องทางที่สามารถทำได้ ส่วนจะมีวิธีไหนบ้างที่เหมาะกับเรา ไปตามอ่านกันต่อได้เลย

“อย่าปล่อยให้ความกลัวเข้ามาแทนที่ความฝันของคุณ”


วิธีที่ 1 การเทรด (Trade)

การเทรดเป็นวิธีที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีที่สุด เพราะมีความคล้ายกับการซื้อขายหุ้น ที่มีหลักการคือ ซื้อถูก ขายแพง ที่ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ภายใต้สี่คำนี้แฝงไปด้วย การเรียนรู้ การฝึกฝน การลองผิดลองถูก การขาดทุน การสะสมประสบการณ์ และอีกมากมายกว่าที่เราจะได้สี่คำนี้มาเพื่อสร้างรายได้ให้กับเราอย่างยั่งยืน

รูปที่ 1 การเทรดเหรียญเป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้ที่นิยม ถูกแบ่งออกเป็น 2ประเภท ได้แก่ Day Trade และ Buy & HODL
รูปที่ 1 การเทรดเหรียญเป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้ที่นิยม ถูกแบ่งออกเป็น 2ประเภท ได้แก่ Day Trade และ Buy & HODL

ในการเทรดเองก็ยังสามารถแบ่งประเภทรูปแบบการเทรดออกไปได้อีก 2 ประเภทคือ

1.Day Trade

Day trade หรือการเทรดระยะสั้นในช่วงระยะเวลา 1วัน หมายความว่าจะทำการซื้อและขายเพื่อทำกำไรให้จบภายในวันเดียวกัน โดยส่วนมากมักจะซื้อและขายในหลักนาที หรือ ชั่วโมง แต่ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ทำการเทรดในแต่ละวัน วิธีนี้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนและนักเทรดทั่วไป อาจจะได้กำไรไม่เยอะ แต่ก็มีโอกาสที่ได้กำไรสูงหากปัจจัยหลายอย่างเหมาะสม และสามารถทำกำไรได้เร็ว เห็นตัวเลขชัดเจน ซึ่งคนที่เทรดในรูปแบบ Day Trade เราจะเรียกว่า Day Trader นั่นเอง

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการเป็น Trader เพราะการเทรดรูปแบบนี้จำเป็นต้องอาศัยความแม่นยำในเรื่องการวิเคราะห์กราฟเทคนิค  (Technical Analysis) ที่ต้องมีความรู้เรื่องรูปแบบกราฟแท่งเทียน การใช้ Indicator การดูแนวรับแนวต้าน และเทคนิคอื่นประกอบกันเพื่อช่วยหาจุดเข้าซื้อและจุดขายที่ดีที่สุดตามแนวทางของ Tader แต่ละคน และต้องมีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเล็กน้อย

เหมาะกับคนที่มีเวลาในการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของราคา ประมาณ 2-3ชั่วโมง ต่อวัน (ไม่ร่วมเวลาที่ต้องใช้การศึกษาหาข้อมูล)

2.Buy & HODL

Buy & HODL คือการซื้อและขายเหมือนกัน Day Trade แต่จะต่างกันที่ระยะเวลาในการถือเหรียญจะนานกว่ามาก โดยที่ Buy & HODL จะมีระยะเวลาในการถือเหรียญหลักหลายเดือน ถึง หลายปี ซึ่งโดยส่วนมากแล้วการเทรดลงทุนแบบนี้จะได้กำไรก้อนใหญ่ อาจจะหลายเท่าจากเงินต้นที่ลงทุนไป เพราะด้วยระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายปี สามารถสร้างความต่างของราคาได้มากเมื่อนับจากจุดที่เข้าซื้อ

แต่ก็มีโอกาสที่ราคาเหรียญขึ้นไปแล้วจะลงกลับมาจุดที่ซื้อทำให้เท่าทุน หรือมีโอกาสลงไปตำ่กว่าจุดที่ซื้อทำให้ขาดทุนได้ ดังนั้นการ Buy & HODL ควรต้องมีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เพื่อดูศักยภาพ (Potential) ของเหรียญว่าสามารถเติบโตในระยะยาวได้หรือไม่ และดูจังหวะของตลาดว่าช่วงไหนที่ควรจะขายเพื่อทำกำไร

เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาดูการเคลื่อนไหวของราคาบ่อยๆ สามารถซื้อแล้วปล่อยทิ้งไว้ได้หลายๆเดือนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม


วิธีที่ 2 YeildFarming

Ydild Farming  คือการนำคู่เหรียญ (2เหรียญ) ที่เรามีไปใส่ไว้ใน Liquidity Pool ของแพลตฟอร์มนั้นๆ และรับผลตอบแทนเป็น Governance Token  หรืออาจจะเป็นเหรียญอื่นๆตามเปอร์เซ็นต์ (APY & API ) ที่ Pool นั้นกำหนดไว้ เปรียบเทียบคล้ายกับการฝากเงินแล้วได้รับดอกเบี้ยนั่นเอง

รูปที่ 2 การทำ Yeild Farming บน Dex ต่างๆสามารถสร้าง Passive Income ได้
รูปที่ 2 การทำ Yeild Farming บน Dex ต่างๆสามารถสร้าง Passive Income ได้

แล้วผลตอบแทนที่เราได้รับมาจากไหน? คำตอบคือ เมื่อเราทำการฝากเหรียญไปใน Pool แล้วเหรียญที่เราฝากไปนั้นจะถูกในไปใช้ในระบบ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม และจะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมธุรกรรมจากคนที่มาใช้งานคู่เหรียญที่เราฝากไว้

ตัวอย่างเช่น เราฝากคู่เหรียญ​ BTC-USDC ที่แพลตฟอร์ม XXX เป็นมูลค่า $100 ซึ่ง ณ เวลานั้นมีผลตอบแทนอยู่ที่ 5%APR เมื่อมีคนเข้ามาทำการซื้อขายเหรียญในคู่ที่เราได้ฝากไว้ เราจะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากคนนั้นไป และถ้าตัวเลขผลตอบแทนไม่เปลี่ยนแปลง ในปีถัดไปเราจะได้กำไร $5 ในรูปของ Governance Token ที่เป็นเหรียญของแพลตฟอร์ม XXX

ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่สามารถทำ Yeild Farming ได้

ความเสี่ยง

  • ความผันผวนของราคา Governance Token
  • Impermanent Loss

วิธีที่ 3 Game-Fi (Play to earn)

Game-Fi เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ที่เหล่านักลงทุนในโลก Crypto ให้ความสำคัญอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่มี Key word สั้นๆและได้ใจความว่า ‘Play to Earn’ (P2E) แปลว่าเล่นเพื่อรับเงินนั่นเอง ซึ่งคอนเซปต์นี้เองก็ช่วยให้คนอยู่ในโลก Defi ที่เล่นเกมอยู่แล้วชื่นชอบ รวมไปถึงช่วยดึงคนที่ไม่ได้อยู่ในโลก Defi แต่เล่นเกมอยู่แล้วให้เข้ามา

รูปที่ 3 Game-Fi ได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถดึงคนให้เข้ามาโลก Defi ได้มากขึ้น และสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนที่เข้ามาเล่น
รูปที่ 3 Game-Fi ได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถดึงคนให้เข้ามาโลก Defi ได้มากขึ้น และสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนที่เข้ามาเล่น

รูปแบบการเล่นของแต่ละเกมจะแตกต่างกันไป มีทั้งแบบ trun base, RPG, 3rd person ในธีมต่อสู้ ผจญภัยและอื่นๆ แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ เล่นแล้วจะได้รับรางวัล อาจจะเป็นเหรียญที่ใช้ในตัวเกม หรือเป็นไอเทม (NFT) ต่างๆในเกม ซึ่งทั้งสองอย่างสามารถนำไปขายได้ อย่างเหรียญก็ขายได้ที่ Dex ต่างๆ หรือถ้าเป็นตัวไอเทมก็ขายได้ที่ Marketplace ของตัวเกมนั้น และนั่นคือที่มาของรายได้ หรือมีวิธีที่หลากหลายกว่านี้อีกมากมาย

ตัวอย่าง Game-Fi และแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม

ความเสี่ยง

  • เกมอาจจะได้รับความนิยมเป็นบางช่วง ทำให้ราคาเหรียญที่ใช้ในเกมมีความผันผวน
  • ต้องมีการลงทุนในการซื้อตัวละคร หรืออุปกรณ์ต่างๆก่อนเริ่มเล่นเกม รางวัลที่ได้อาจจะไม่คุ้มในบางช่วงเวลา เมื่อเทียบกันจำนวนเงินที่ลงทุนและระยะเวลา
  • มีการ Scam เกิดขึ้นบ่อย ศึกษา Eco system ของตัวเกมให้ดี

วิธีที่ 4 Mining

Mining หรือที่เรารู้จักกันในคำว่า ทำเหมือง ขุดเหมือง เป็นรูปแบบการสร้างรายได้ในยุคแรกๆของ Cryptocurrency ตั้งแต่การสร้าง Bitcoin แต่ในสมัยนี้สามารถขุดได้หลายเหรียญมากขึ้น ซึ่งในการขุดนั้นเราสามารถใช้การ์ดจอคุณภาพสูง หรือจะใช้เครื่องขุด ASIC (Aapplication Specific Integrated Circuit) ที่ไว้สำหรับขุดเหรียญโดยเฉพาะ แต่ทั้งสองแบบก็มีข้อดีและข้อเสียทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น

รูปที่ 4 Mining หรือการขุด จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ในการขุด ที่มีทั้งใช้การ์ดจอทั่วไป หรือ เครื่องขุดเฉพาะทางอย่าง ASIC
รูปที่ 4 Mining หรือการขุด จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ในการขุด ที่มีทั้งใช้การ์ดจอทั่วไป หรือ เครื่องขุดเฉพาะทางอย่าง ASIC

การใช้การ์ดจอ

ข้อดี

  • ขุดได้หลาย Algorithm หมายความว่าขุดได้หลายเหรียญ ถ้าเหรียญนี้มีปัญหา Dificalty สูง ระบบก็จะย้ายไปขุดเหรียญอื่นแทน
  • ปล่อยเสียงรบกวนและความร้อนน้อย
  • หากไม่ได้ใช้ขุดแล้วสามารถนำไปใช้งานอย่าวอื่นได้ต่อ

ข้อเสีย และ ความเสี่ยง

  • การ์ดจอมีราคาสูงเมื่อเทียบกับกำลังในการขุด อาจทำให้ใช้เวลาคืนทุนนาน
  • ไม่สามารถขุดเหรียญ Bitcoin ได้

การใช้ ASIC

ข้อดี

  • สามารถขุดเหรียญได้ปริมาณมากกว่า มีโอกาสคืนทุนเร็วกว่า
  • เป็นชิปประมวลผลสำหรับขุดเหรียญโดยเฉพาะ

ข้อเสีย และ ความเสี่ยง

  • เครื่องขุดกินไฟมาก แต่ก็ได้มีการพัฒนาให้กินไฟน้อยลงค่อนข้างเยอะ
  • ปล่อยเสียงและความร้อน
  • หากไม่ใช้ในการขุดแล้วไม่สามารถนำไปใช้งานอื่นได้อีก

ทั้งสองแบบเหมาะกับคนที่มีทุนค่อนข้างมาก เพราะการจะขุดให้ได้กำไรที่ชัดเจนจำเป็นต้องมีการ์ดจอ หรือเครื่อง ASIC ในปริมาณหนึ่ง มีเวลาในการเฝ้าดูการทำงานของเครื่อง เพราะหากเครื่องหรือระบบมีปัญหาต้องแก้ไขทันที มีความรู้เรื่องระบบการขุดต่างๆ และมีพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์


วิธีที่ 5 Copy trade

Copy trade คือการเลียนแบบรูปแบบการซื้อขายของคืนอื่น โดยการที่ระบบจะเอากระเป๋าเราไปผูกกับกระเป๋าของนักเทรดต้นแบบ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ นักเทรดมืออาชีพ คนที่ประสบความสำเร็จสร้างกำไรได้อย่างมั่นคง แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในปริมาณที่เท่ากัน ฟังดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ง่าย แค่ทำตามคนที่สำเร็จแล้ว ซึ่งมันอาจจะง่ายในช่วงแรก

รูปที่ 5 การ Copy Trade คือการเลียนแบบการเทรดของนักเทรดมืออาชีพ สามารถช่วยประหยัดเวลาได้ แต่ก็มีข้อดีและจ้อเสียที่ต้องระวัง
รูปที่ 5 การ Copy Trade คือการเลียนแบบการเทรดของนักเทรดมืออาชีพ สามารถช่วยประหยัดเวลาได้ แต่ก็มีข้อดีและจ้อเสียที่ต้องระวัง

แต่หากเรามองกลับกัน เหล่าคนที่เทรดเก่งและนักเทรดมืออาชีพ พวกเขาไม่ได้ Copy trade คนอื่น และนี่คือบางเรื่องที่คุณต้องรู้ ศึกษา และทำความเข้าใจก่อนจะทดลองใช้กลยุทธ์ Copy trade ในการลงทุน

1.คัดเลือกนักเทรดต้นแบบให้เหมาะกับตัวเอง

นักเทรดมืออาชีพนั้นมีมากมายหลายประเภท ซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์การเทรดเป็นของตัวเอง เช่น เทรดระยะสั้น เทรดระยะกลาง เทรดในเหรียญที่มี Marketcap ใหญ่ที่มีความผันผวนน้อย เทรดในเหรียญเกิดใหม่ที่มีความผันผวนเยอะ ซึ่งละคนก็มีเปอร์เซ็นต์ในการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

2.ศึกษาประวัติและกลยุทธ์การเทรดของนักเทรดต้นแบบ

สอดคล้องกับ ข้อ1 เมื่อเราทำการคัดเลือกนักเทรดต้นแบบที่เหมาะกับเราแล้ว ต่อไปเราต้องมาดูว่าคนนี้มีประวัติการเทรดเป็นอย่างไร มีสัดส่วนการเทรดชนะกี่เปอร์เซ็นต์ ช่วงที่เทรดแพ้บ่อยๆมีหรือไม่ เพราะอะไร กลยุทธ์ที่เขาใช้เทรดคืออะไร จำนวนผู้ติดตามและความน่าเชื่อถือมีมากแค่ไหน

ข้อดี

  • เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ เพราะไม่จำเป็นต้องศึกษาเรื่องพื้นฐานเหรียญหรือเทคนิดต่างๆด้วยตัวเอง
  • ไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เลือกว่าเราจะ Copy ใคร และระบบจะทำการเทรดตามนักเทรดต้นแบบที่เราเลือกไว้แบบอัตโนมัติ

ข้อเสีย และ ความเสี่ยง

  • มีความเสี่ยงในการเทรดแพ้ ไม่มีการการันตีกำไรที่ชัดเจน และอาจขาดทุนได้
  • อาจเคยตัว ไม่มีการศึกษาต่อเอง ไม่หากลยุทธ์ของตัวเอง
  • ค่าธรรมเนียมสูง หากเทรดชนะ เราต้องแบ่งกำไรที่เราได้ให้กับนักเทรดต้นแบบด้วย

ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่เราสามารถทำ Copy trade

  1. Bybit
  2. Coinmatics
  3. MoonXBT
  4. Bitget

วิธีที่ 6 NFT

NFT (Non-Fungible Foken) ในบทความนี้เราขออนุญาตไม่อธิบายละเอียดว่าคืออะไร แต่จะมาชี้ช่องทางการสร้างรายได้ให้เฉยๆ ก่อนหน้าที่บทความนี้จะถูกเขียน และกำลังเขียนอยู่ในขณะนี้ การทำ NFT ได้เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมของใครหลายๆคน หรือบางทีอาจจะเป็นอาชีพหลักของคนบางคนกันเลยทีเดียว

รูปที่ 6 การมาของ NFT เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้ใกล้ชิดกับ Cryptocurrency มากขึ้น ทุกคนสามารถสร้าง NFT ของตัวเองและขายเองได้
รูปที่ 6 การมาของ NFT เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้ใกล้ชิดกับ Cryptocurrency มากขึ้น ทุกคนสามารถสร้าง NFT ของตัวเองและขายเองได้

โดยส่วนใหญ่แล้วการทำ NFT จะอยู่ในรูปแบบของการขายผลงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาดด้วยมือ ภาพวาดดิจิทัล ภาพถ่าย คลิปสั้น เพลง ภาพเคลื่อนไหว หรืออื่นๆที่มีความสวยงามน่าสนใจ ทำให้ผู้สร้างหรือผู้วาดเปรียบเสมือนเป็นศิลปิน และผู้ซื้อเปรียบเสมือนเป็นนักสะสมที่คอยเยี่ยมชมและซื้อผลงานที่พวกเขาพอใจ

มีกลุ่มคนและบุคคลหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการขาย NFT มาแล้วมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เด็กอายุ12 ขาย NFT ได้เงินไปทั้งหมด $400,000 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.5ล้านบาท และนั่นเป็นหนึ่งในหลายๆชนวนที่ทำให้คนเริ่มสนใจที่จะลองทำ NFT

ข้อดี

  • ไม่ต้องลงทุน หรือลงทุนไม่เยอะ
  • อายุเท่าไหร่ก็สามารถทำได้

ข้อเสีย และ ความเสี่ยง

  • ต้องสร้างผลงานให้มีความน่าสนใจ แตกต่าง น่าดึงดูด
  • การตลาดที่ดี การแสดงผลงานให้คนวงกว้างรู้จักเป็นเรื่องสำคัญ
  • อาจโดน Copy ผลงานได้

วิธีที่ 7 Bot

การใช้บอท (Bot) อาจจะไม่ใช้หนทางหลักในการหารายได้ แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่ดีหากเลือกใช้ให้ถูกต้อง เพราะจะช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเข้ามาดูราคาเพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งจะคล้ายๆกับการ Copy trade แต่ว่าการใช้บอทจะมีความแม่นยำกว่า และเราสามารถควบคุมการทำงานของบอทได้

รูปที่ 7 Bot Trade สามารถหาเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนได้ค่อนข้างแม่นยำจากการ Back Test เป็นเครื่องทุ่นแรงให้กับนักลงทุนได้
รูปที่ 7 Bot Trade สามารถหาเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนได้ค่อนข้างแม่นยำจากการ Back Test เป็นเครื่องทุ่นแรงให้กับนักลงทุนได้

ซึ่งบอทแต่ละตัวเราสามารถตั้งค่าเงื่อนไขการเข้าซื้อและขายได้ ตัวอย่างเช่น กำหนดให้ซื้อเมื่อเส้น EMA60 ตัดกันในขาขึ้น หรือ กำหนดให้ขายเมื่อเส้น RSI อยู่เหนือ70 หรือเงื่อนไขอื่นแล้วแต่เราจะตั้งค่าให้บอทนั้น และบอทก็จะมีหน้าที่ทำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ใดๆ

ข้อดี

  • เราแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากเติมเงินแล้วรอบอททำงานของมัน
  • เทรดอย่างเป็นระบบ ไม่มีความโลภ
  • วัดผลย้อนหลังได้ (Back Test)

ข้อเสียและความเสี่ยง

  • ผลตอบแทนอาจจะน้อยกว่าหากเทียบกับการวิเคราะห์เองเป็น
  • ต้องมีการอัพเดทบอทอย่างสม่ำเสมอ
  • ในบางครั้งอาจไม่ตอบโจทย์กับตลาดที่ผันผวน

สรุป

การลงทุนเพื่อสร้างรายได้ใน Cryptocurrency ถึงแม้ว่าจะได้กำไรค่อนข้างดี แต่ก็มีความเสี่ยงตามมาเป็นเงา แต่หากเราศึกษาความเสี่ยงและหาการลงทุนที่เหมาะกับเราแล้ว การหารายได้อย่างสม่ำเสมอก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป อย่าลืมติดตาม Investplanet เพื่อความรู้เรื่องการลงทุนอย่ารอบด้าน

อ้างอิง

https://www.peniaphobia.com/application-specific-integrated-circuit-asic/

https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/133-tsi-what-is-copy-trading

https://learn.bybit.com/copy-trading/best-crypto-copy-trading-platforms/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *