ความปลอดภัย เป็นคำสำคัญในวงการการลงทุน โดยเฉพาะในคริปโตเคอเรนซี่ ในปัจจุบันได้มีการคิดค้น สร้าง ประดิษฐ์ระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “Hareware Wallet” นั่นเอง หากใครอยากรู้ว่า Hardware Wallet คืออะไร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร คลิกไปอ่านกันก่อนได้เลย
เพราะว่าในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 อันดับ Hardware Wallet ที่เหล่านักลงทุนส่วนใหญ่ใช้กัน จะมียี่ห้ออะไร รุ่นไหน และคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ตามไปอ่านกันต่อได้เลย
อันดับที่ 1. The Ledger รุ่น Nano X
Ledger Nano X มีการเชื่อมต่อ Bluetooth Low Energy (BLE) ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์ Android หรือ iOS ได้โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิล หรือสาย USB แม้ว่าการใช้ Bluetooth จะช่วยมอบประสบการณ์การใช้แบบใหม่ให้กับนักลงทุน แต่ก็ยังมีข้อกังวลบางอย่างเกี่ยวกับความปลอดภัยของการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ที่กล่าวไว้ดังนี้
- เฉพาะข้อมูลสาธารณะเท่านั้นที่ส่งผ่าน Bluetooth ส่วนข้อมูลที่สำคัญ เช่น Private Key และ ชุดรหัส Seed Phrase ไม่ถูกปล่อยออกจากตัวอุปกรณ์
- แม้ว่าการเชื่อมต่อ Bluetooth จะถูกแฮ็ก แต่ความปลอดภัยของ Ledger Nano X นั้นขึ้นอยู่กับ Secure Element (SE) ซึ่งจะขอความยินยอมจากผู้ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น สำหรับการดำเนินการ หรืออนุมัติธุรกรรมอะไรก็ตาม
- การใช้งาน Ledger Nano X ใช้โปรโตคอล Bluetooth ที่ล้ำสมัย รับรองความถูกต้องโดยใช้การจับคู่ เป็นการเปรียบเทียบเชิงตัวเลขและการรักษาความลับ มั่นใจได้โดยใช้การเข้ารหัสแบบ AES
- หากนักลงทุน หรือผู้ใช้งานไม่สะดวกใจที่จะใช้ Nano X กับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth สามารถปิดใช้งาน Bluetooth และใช้สาย USB type-C แทนได้
สเปคของ The ledger Nano X
- ขนาด (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 72 มม. x 18.6 มม. x 11.75 มม.
- น้ำหนัก (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 34 ก. (1.19 ออนซ์)
- มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 128×64 pixels ที่ให้ดู และยืนยันธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย
- รองรับ Bluetooth ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับได้เหมือนกัน เช่น สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต เพื่อจัดการสกุลเงินดิจิตอลโดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์
- รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,100 สกุล รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Litecoin และอื่น ๆ อีกมากมาย
- มีชิป ST33J2M0 ที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองระดับ CC EAL5+ ซึ่งให้การป้องกันการแฮ็คและภัยคุกคามความปลอดภัยอื่น ๆ อีกชั้นหนึ่ง
- เป็นมิตรกับผู้ใช้ ด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ซึ่งทำให้ใช้งานได้ง่ายแม้สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้
The Ledger Nano X มีราคาอยู่ที่ประมาณ $169 (หรือประมาณ 5,656 บาท) ตามราคาหน้าเว็บไซต์ official https://shop.ledger.com/products/ledger-nano-x
อันดับที่ 2. Trezor Model T
Trezor Model T เป็น Hardware Wallet รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Trezor รุ่นก่อนหน้านี้คือ Trezor Model One ออกแบบมาให้เป็น “ห้องนิรภัย” หรือ “vault” ที่จะเก็บเหรียญสกุลเงินต่าง ๆ Private Key รหัสผ่าน สินทรัพย์อื่น ๆ ของนักลงทุนไว้อย่างปลอดภัย
จาก Trezor Model One รุ่นก่อน เป็นรุ่นที่มีจอแสดงผลที่เล็กกว่า และมีปุ่มกดสองปุ่มในการควบคุมและสั่งการ มาในรุ่นล่าสุดอย่าง Trezor Model T พัฒนาไปอีกขั้นในทุกแง่มุม
สเปคของ Trezor Model T
- ขนาด (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 64 มม. x 39 มม. x 10 มม. (2.52 นิ้ว x 1.54 นิ้ว x 0.39 นิ้ว)
- น้ำหนัก (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 22 ก. (0.77 ออนซ์)
- CPU ARM Cortex-M4 168 Mhz เป็น CPU ที่ Trezor พัฒนาขึ้นอเอง
- จากปุ่มกด เป็น หน้าจอระบบสัมผัส LCD ขนาด 1.54 นิ้ว (240×240 pixels)
- จากสาย USB type A เป็น USB type C
- จากเดิมรองรับเหรียญ 1,289 สกุล เป็น รองรับทั้งหมด 1,456 สกุล (Bitcoin, Ethereum, Litecoin และเหรียญ ERC-20 และ BEP-20 ทุกเหรียญ)
- สามารถทำงานได้ภายใต้อุณหภูมิ -20°C ถึง +60°C (-4°F ถึง +140°F)
Tezor Model T มีราคาอยู่ที่ประมาณ $219 (หรือประมาณ 7,316 บาท) ตามราคาหน้าเว็บไซต์ official https://trezor.io/trezor-model-t
อันดับที่ 3. The Ledger รุ่น Nano S
อีกครั้งกับ The Ledger แต่ในรุ่น Nano S เป็นรุ่นก่อนที่จะถูกพัฒนาเป็น Nano X
สเปคของ The Ledger Nano S Puls
- ขนาด (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 62.39 มม. x 17.4 มม. x 8.24 มม.
- น้ำหนัก (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 21 ก. (0.74 ออนซ์)
- มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 128×64 pixels ที่ให้ดู และยืนยันธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย
- เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ด้วยสาย USB type-C
- รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,100 สกุล รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Litecoin และอื่น ๆ อีกมากมาย
- มีชิป ST33K1M5 ที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองระดับ CC EAL5+ ซึ่งให้การป้องกันการแฮ็คและภัยคุกคามความปลอดภัยอื่น ๆ อีกชั้นหนึ่ง
- ใช้งานบน Apple IOS ไม่ได้
The Ledger Nano S มีราคาอยู่ที่ประมาณ $86 (หรือประมาณ 2,886 บาท) ตามราคาหน้าเว็บไซต์ official https://shop.ledger.com/products/ledger-nano-s-plus
หากลองเทียบกับรุ่น Nano X แล้วค่อนข้างมีสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก แตกต่างกันตรงที่ ไม่มี Bluetooth เครื่องเล็กกว่าเล็กน้อย และชิปรุ่นก่อนในราคาที่ต่างกันครึ่งหนึ่ง หากใครที่ต้องการ Hardware Wallet ที่ราคาไม่แพงมาก และทำงานได้ใกล้เคียงกับรุ่นรุ่นใหม่ๆ Trezor Nano S Plus ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว
อันดับที่ 4. CoolWallet S
ด้วยหน้าตารูปลักษณ์ที่แตกต่างต่างจาก Hardware Wallet ทั่วไป เพราะมีลักษณะและขนาดเหมือนบัตรเครดิตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เอง ทำให้พกพาง่าย ใช้งาย เลยเป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครหลาย ๆ คน
สเปคของ CoolWallet S
- ขนาด (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 85.60 มม. x 53.98 มม.
- น้ำหนัก (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 6 ก. (0.21 ออนซ์)
- เชื่อมต่อกับโทรศัพท์โดย Bluetooth แบบเข้ารหัส AES256 ในระยะ 10 เมตร ผ่านแอปพลิเคชัน CoolWallet App
- กันน้ำ
- ป้องกันการงัดแงะ
- การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2+1 การตรวจสอบไบโอเมตริกและ 2FA ทางกายภาพ
- ได้รับการรับรองความปลอดภัย Secure Element (S.E.) ระดับ EAL5+
- รองรับสกุลเงินที่หลากหลาย ทั้งหมด 12 chain รวมแล้วมากกว่า 10,000 สกุล สามารถเทรดซื้อขาย Fiat เป็น Crypto ได้บนแอป และสามารถใช้งานร่วมกับ BitPay ได้
- Private Key จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน CC EAL5+ ที่ได้รับการรับรอง S.E. Private Key จะไม่ออกจากตัวอุปกณร์ ชิปจะคำนวณอัลกอริทึมที่จำเป็นทั้งหมด และส่งเฉพาะผลลัพธ์ที่คำนวณได้ (ข้อมูลที่ไม่ละเอียดอ่อน) ออกไปยังโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth
- ชิปความปลอดภัยเทียบเท่ากับ FIPS หรือเทียบเท่าเกรดกองทัพสหรัฐฯ
CoolWallet S มีราคาอยู่ที่ประมาณ $99 (หรือประมาณ 3,330 บาท) ตามราคาหน้าเว็บไซต์ official https://www.coolwallet.io/coolwallet_s ในราคา 3,000 กว่าบาท กับความสามารถขนาดนี้ ก็เพียงพอต่อการใช้งานเพื่อเก็บรักษาเงินอันมีค่าของนักลงทุนไว้แล้ว แต่หากใครอยากดูสเปคที่มากกว่านี้ ก็สามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อได้กับ CoolWallet ในรุ่น Pro
อันดับที่ 5. ELLIPAL Titan
Ellipal Titan มีหน้าตาคล้ายโทรศัพท์ขนาดเล็ก มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบระบบสัมผัสทั้งหน้าจอ ทำให้การใช้ง่ายขึ้น เห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายจากตัวอุปกรณ์โดยตรง เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือ ไม่ต้องเชื่อมต่อ USB ไม่ต้องเชื่อมต่อ Wifi ไม่ต้องเชื่อมต่อ Bluetooth ไม่ต้องเชื่อมต่อ NFC แต่จะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ที่ได้จับคู่QR code ไ้ว้โดยตรง โดยไม่ผ่านการเชื่อมต่อที่ได้กล่าวไว้
สเปคของ ELLIPAL Titan
- ขนาด (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 118 มม. x 66 มม. x 9.7 มม.
- น้ำหนัก (เฉพาะตัวอุปกรณ์) 303 ก. (10.68 ออนซ์)
- กล้องความละเอียด 5M AF
- หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 3.97 นิ้ว
- แบตเตอรี่ในตัวความจุ 1,400 mAh
- สแตนบายโดยไม่ใช้งานได้นานสุด 259 ชั่วโมง
- ทำงานได้ภายใต้อุณหภูมิ -20°C ถึง +70°C (-4°F ถึง +158°F)
- เชื่อมต่อโดย QR code โดยตรงกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ Offline 100%
- ระบบความปลอดภัยและเข้าถึงแบบ 2FA
- เมื่อถูกดัดแปลงข้อมูลจะทำการรีเซ็ตตัวเองสู่การตั้งค่าโรงานอีกครั้งโดยอัตโนมัติ
- รองรับ 40 Blockchain รวมแล้วมากกว่า 10,000 สกุลเงิน
Ellipal Titan มีราคาอยู่ที่ประมาณ $139 (หรือประมาณ 4,643 บาท) ตามราคาหน้าเว็บไซต์ official https://www.coolwallet.io/coolwallet_s
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับ Hardware Wallet มีตัวไหนที่สนใจเป็นพิเศษหรือเปล่า ทุกคนสามารถไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม รวมไปถึงวิธีการใช้งานของแต่ละรุ่นนอกเหนือจากนี้ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด อาจจะดูจากปัจจัยเรื่อง CPU การทำงาน ราคา แต่ในเรื่องความปลอดภัยแล้ว การมีสักเครื่องไว้เก็บเงินของเรายอมดีกว่าไม่มีเลย
Pingback: Hardware Wallet คือ ? จำเป็นหรือไม่ ? - EaForexCenter