เปิดตำนาน ว่าด้วย การทำ Farm EA และ การ Copy Trade
ฉบับ Master Farm EA ถ่ายทอดเอง ถ่ายทอดโดยผู้รู้จริง ผ่านประสบการณ์จริง
การลงทุนในตลาด Forex นั้น เราต้องใช้ความรู้และความสามารถ ตลอดจนประสบการณ์อันโชกโชน “ต้องออกหมัดด้วยกระบวนท่าเดียวมาแล้วนับหมื่นครั้ง แตะมาแล้วนับแสนครั้ง จึงจะเอาชนะตลาดที่เขี้ยวลากดินที่เรียกว่า Forex นี้ได้”
ต้องใช้ “ฮาคิสังเกตขั้นสูง” คาดการณ์การเคลื่อนไหว Up Trend, Down Trend และ Side Way ของกราฟให้แม่นยำก่อนออกไม้
สำหรับ Trader มือใหม่ (อายุเทรดไม่เกิน 5 ปี ตามนิยามผมถือว่าใหม่หมดแหละ ต่อให้เลื่อนขั้นตัวเองเป็นโคชแล้วก็ตาม) อาจพบว่าตลาด Forex นี้ช่างน่าท้าทายและซับซ้อน ราวกับอารมณ์ของสาวงาม และเย้ายวนดั่งจักรพรรดินีแฮนค็อก
แต่ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม อันเป็นปัจเจก การลงทุนใน Forex สามารถเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และแสนลุ่มลึกใน “วิถีลงทุนแห่งโลกอนาคต….ของอนาคต….” เพื่อเป็นเส้นทางหนึ่งแห่งอิสรภาพทางการเงิน (financial freedom) ได้ ..
ใช่แล้ว One Piece มีอยู่จริง !!! และไม่ได้มีเพียงที่เดียว ที่เกาะลาฟเทล (Laugh Tale: เกาะแห่งเสียงหัวเราะ) เท่านั้น
มันกระจัดกระจายอยู่ทั่วอณูจักรวาลที่ยังมีความหวัง ของนักลงทุนที่มิยอมแพ้…. รอเหล่าผู้กล้า โจรสลัด และเสรีชน ฯลฯ ได้ไปค้นหาและช่วงชิงมันมา
ในแต่ละคนมีวิธีการ และเทคนิคที่แตกต่างกันในการลงทุน
- หลายคนเชื่อมั่นใน Manual (เทรดมือ) ยอมฝึกฝนปางตาย และผ่านประสบการณ์การล้างพอร์ตมานับครั้งไม่ถ้วย จนเกิดฮาคิ (ความเชี่ยวชาญที่ตกผลึก)
- หลายคนเชื่อมั่นในดาบ (Indicator) ยึดมั่นในวิถีแห่งนักดาบ
- และบางคนอาจเลือกใช้ผลไม้ปีศาจ (EA: Expert Advisor) EA นั้นมีแรงทดมหาศาล แต่การจะได้มันมานั้นก็ไม่ง่าย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว จะด้วยอะไรก็ตามแต่ ขอแค่มันนำพาเราไปค้นหามหาสมบัติ คือ ผลกำไรอันยั่งยืนในตลาด Forex ได้ มันก็เพียงพอแล้ว…
“แมวดีมิใช่ดีที่สี หากแต่มันล่าหนูได้ก็นับเป็นยอดแมว…”
ฟาร์ม EA Forex เป็นแนวคิดในการกระจายความเสี่ยงในระบบเทรด EA ที่ต่างระบบกัน นำมารันในสัดส่วนพอร์ตลงทุนที่เหมาะสม “ระบบ EA ที่ใช่, ในโบรกเกอร์ที่ใช่, บัญชีที่ใช่, กับการตั้งค่าที่ใช่..ในสภาวะตลาดที่ใช่” คล้ายกับการทำปศุสัตว์แบบผสมผสาน สำหรับกระจายความเสี่ยง
อย่างบางช่วงวัวราคาถูก หรือมีโรคระบาด ก็ยังมีผลกำไรจากไก่ กำไรจากหมู หรือกำไรจากผลไม้พืชผักมาพยุงฟาร์ม
เทียบกับ EA คือ บางช่วงเวลา EA บางระบบก็จะกำไรสูง บางระบบกำไรต่ำ บางระบบอาจเข้าสู่สถานการณ์เลวร้ายถึงกับล้างพอร์ต แต่ผลรวมเบ็ดเสร็จก็ยังกำไรอย่างต่อเนื่อง … สำหรับการลงทุนแล้ว ความต่อเนื่องของผลรวมกำไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ข้างต้นจึงเห็นว่า มันไม่ได้ง่ายดายนัก เส้นทางนี้ต้องอาศัยทักษะ ความพยายาม และองค์ความรู้เฉพาะด้านอันหลากหลาย ตลอดจน “ทีมที่ใช่” เรามิสามารถสร้างมหาปิรามิดด้วยอิฐเพียงก้อนเดียวได้ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น การวางรากฐานฟาร์ม EA ดี ๆ นั้น หัวใจแห่งความสำเร็จคือ “ทีมงาน” ที่มีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน… ซึ่งมีอยู่ใน ทีม eaforexcenter.com
สุดยอดระบบเทรดล้วนมีจุดอ่อน สุดยอด EA ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น EA ที่ดีหากตกอยู่ในมือผู้ใช้ที่ไม่รู้จักมันดีพอ ก็อาจจะกลายเป็น EA กาก ๆ ได้ เช่น การตั้งค่า (Preset หรือ Setting) คลาดเคลื่อน เพราะรายละเอียดแม้เพียงเล็กน้อย ลึกซึ้งขนาดโบรกเกอร์เดียวกัน แต่ต่างประเภทบัญชี ก็ทำให้ผลกำไรจาก EA แตกต่างกันได้
ในมุมของผู้สร้าง EA ผลกำไรของ EA และความยั่งยืนของ พอร์ต EA ณ เวลานี้ (ที่ยังเป็นเรื่องของ EA ที่ไม่ใช่ระดับ AI) อยู่ที่
- ความเข้าใจใน EA ตัวนั้น ๆ ในระดับลึกซึ้ง
- สามารถเข้าใจสถานการณ์ตลาด พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนการตั้งค่า EA เข้าสู้ได้อย่างพริ้วไหวและเฉียบคม “ประหนึ่งสุดยอดนักดาบที่ช่วงใช้ดาบได้ดั่งใจนึก”
ดังนี้แล้ว การสร้าง EA ด้วยตัวเอง หรือการใช้ระบบ Copy Trade กับทีมผู้พัฒนา EA ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงยิ่ง จึงเป็นคำตอบที่คุ้มค่าที่สุดและดีที่สุด
การ Copy Trade ตามมาสเตอร์ที่เชี่ยวชาญจึงเป็นคำตอบ สำหรับคนที่ “มือใหม่” ต่อ EA เพราะ
- การใช้ EA ต้องมีองค์ความรู้ อย่างน้อยต้องรู้จักจุดอ่อนของมัน แล้วต้องรู้วิธีแก้จุดอ่อนอันนั้น
- ผู้สร้าง EA เอง จะเข้าใจ EA ของตนเองดี สามารถยืดหยุ่นต่อ EA การปรับแต่งตั้งค่า (Preset หรือ Setting) ให้สอดรับแต่ละสถานการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป แม้แต่เปลี่ยนไปใช้ EA ตัวใหม่เลย เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดนั้น ๆ
- ทำ Money Management หรือ Risk Management ได้ง่าย: เราสามารถเลือก Master trade ที่มี profile ดี ๆ มีสถิติการเทรดที่เราประเมินแล้วว่าสามารถอยู่รอดในระยะยาวได้ คุ้มค่าที่จะลงทุนด้วยได้ และสามารถเลือกหลายๆคนที่มีระบบเทรดแตกต่างกันเพื่อกระจายความเสี่ยงได้
- ประหยัดเวลาในการเรียนรู้เรื่องการเทรด
- ปกติเทรดมือกว่าจะเอาตัวรอดได้ก็ใช้เวลาประมาณ 5 ปี
- เทรดด้วย EA กว่าจะเลือก EA เป็น, เฟ้นหา EA ดี ๆ เจอ, ใช้ EA คล่อง, รู้หลักการในการ BackTest, Forward Test ตลอดจนหลักการบริหารพอร์ตที่ดีตามช่วงเวลาต่างๆ ก็ใช้เวลา 1-2 ปี
- Copy trade ใช้เวลาในการค้นหามาสเตอร์ดี ๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 1 เดือนก็ถือว่ามากแล้ว แค่คุณอ่าน profiles เป็น ดู Myfxbook เป็น
ชุดบทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ
- เป็นแนวทาง และคู่มือ สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจในเทคนิคและเครื่องมือ EA ตลอดจนการ Copy Trade
- ให้สามารถลงทุนในตลาด Forex และ CFD โดยมีผลกำไรอย่างยั่งยืน บริหารจัดการได้ พยากรณ์ด้วยหลักสถิติได้
ผ่านการศึกษาข้อมูล, กรณีศึกษา, ตลอดลงทุนจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสู่อิสรภาพทางการเงินอันเป็นยอดปรารถนาของใครหลาย ๆ คน….
ความหวังของเราคือผู้อ่านจะได้รับความรู้ ได้เข้าใจถึงระบบเทรด และแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง
เรายินดีและหวังว่าชุดข้อมูลนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่าน ในการยึดเป็นแนวทางในการเรียนรู้วิธีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพในตลาด Forex ต่อไป
รออะไรล่ะ ถอนสมอเรือ ออกเดินทางไปค้นหาเกาะมหาสมบัติกันได้เลย…
วันพีช มีอยู่จริง !!!
ผมดำ Iron D Night บันทึก
14-23/8/2023
1. บทนำ สู่การสร้างฟาร์ม EA Forex
- Forex หรือ Foreign Exchange Market คือ การแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสกุลเงินหนึ่งเทียบกับสกุลเงินอื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า, การลงทุน, หรือการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
- ที่นิยมเทรดในปัจจุบันมีจำนวนถึง 28 คู่เงิน
- ตลาด Forex เริ่มต้นขึ้นหลังจากมาตรฐานทองคำถูกยกเลิกในปี 1971 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สกุลเงินต่างๆ ไม่ได้ผูกไว้กับมูลค่าของทองคำอีกต่อไป > จึงเอามาผูกกันเองโดยเฉพาะผูกกับเงินสกุลหลัก เช่น USD EUR เป็นต้น
- ก่อนหน้านี้ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินมีการควบคุมอย่างเข้มงวด และการทำธุรกรรมส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลหรือธนาคารกลางเท่านั้น
- ปัจจุบัน ตลาด Forex เริ่มเปิดกว้างสำหรับนักลงทุน สถาบันการเงิน และนักลงทุนรายย่อย ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและ Platform ทางการเงินที่พัฒนาขึ้น
ที่มาและการพัฒนา
- Forex เป็นตลาดที่ไม่มีสถานที่ตั้งแห่งใดเฉพาะ หรือที่เรียกว่าตลาด OTC (Over The Counter) ที่การซื้อขายเกิดขึ้นผ่านเครือข่ายการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ (ECN) ผ่านสัญญาณ Internet
- เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อราวๆ 2552 ผ่านการให้บริการโดยโบรกเกอร์ Marketiva ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น AGEA
ปัจจุบัน Forex นับเป็นการลงทุนที่คนรุ่นใหม่ให้การสนใจแม้ว่าจะไม่ถูกรับรองโดย กลต.ก็ตาม (เทรด Forex ไม่ถูกกฏหมาย แต่ก็ไม่ผิดกฎหมาย)
- ยุคแรกเริ่มของ Forex: การแลกเปลี่ยนเงินตรามักจะเกิดขึ้นเฉพาะในระดับรัฐบาลหรือระหว่างธนาคารใหญ่ๆ เนื่องจากต้องการทุนสำรองจำนวนมากและมีข้อจำกัดด้านข้อมูลและเทคโนโลยี
- การเปิดเสรีของตลาด: ในช่วงทศวรรษที่ 1970 โลกเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อประเทศต่างๆ เริ่มยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนคงที่และเปลี่ยนไปใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้ตลาด Forex เติบโตและเปิดกว้างมากขึ้น
- การลงทุนแบบ Online: การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงการลงทุนใน Forex อย่างมาก โดยทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงตลาดนี้ได้ง่ายขึ้น มีการพัฒนาแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์และเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทำให้การเทรดง่ายและแม่นยำมากขึ้น
“ยุคนี้เน้นการเทรดมือ (manual) ผ่านการฝึกฝนและตกผลึกทักษะอย่างยาวนาน”
- การเทรดแบบอัตโนมัติ (Expert Advisor: EA): มีการใช้ระบบอัลกอริทึมเพื่อทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ ทำให้การเทรดเป็นไปได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ระบบ Farm การลงทุน: เป็นแนวคิดการกระจายความเสี่ยง โดยการ ลงทุนในหลายระบบเทรด แทนที่จะเป็นระบบเทรดเดียว ซึ่งประกอบไปด้วย
- เทรดมือ หลายระบบเทรด หลายพอร์ตลงทุน
- เทรดด้วย EA หลายระบบเทรด หลายพอร์ตลงทุน
- Copy trade หลาย Master Trade หลายระบบเทรด หลายพอร์ตลงทุน
ทั้งนี้ ฟาร์มการลงทุนจะเป็นฟาร์มเชิงเดี่ยว ซึ่งใช้เทคนิคเดียว เกณฑ์เทรดมืออย่างเดียวเทรดด้วยอี EA อย่างเดียว… หรือฟาร์มแบบผสมผสาน คือใช้หลายเทคนิค เช่น ทั้งเทรดมือเทรดด้วยอีเอ และ Copy trade ร่วมด้วยก็ได้
“หากวันนี้คุณไม่เรียนรู้เรื่อง Forex ไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า คุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
2. พื้นฐานของตลาด Forex
ปัจจุบันตลาด Forex มีบทบาทสำคัญอย่างมากในเศรษฐกิจโลก เนื่องจาก
- เปิดโอกาสให้บุคคลและองค์กรสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อใช้ในการซื้อขายสินค้าและบริการ การลงทุน หรือการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
- เกิดเทรนการลงทุนแบบ CFD (Contract for Difference: สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) ซึ่งเป็นสัญญาที่ระบุว่าจะทำการซื้อขายส่วนต่างในราคาของสินทรัพย์ ณ จุดเวลาที่ทำการเปิดสัญญากับจุดเวลาที่ทำการปิดสัญญา (เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง) นั่นคือ Forex ทั้ง 28 คู่เงิน
- ตลาด Forex ใช้ต้นทุนน้อยกว่าหุ้นเนื่องจากมี Leverage ตลอดจนเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง จันทร์-ศุกร์
- เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดได้ทุกภูมิภาคในโลก ผ่าน Platform Online
- ด้วยความเข้าถึงง่ายและใช้ทุนน้อยดังกล่าวทำให้เทรนการลงทุนใน Forex เติบโตอย่างรวดเร็วจนในอนาคตคาดการว่าจะมีจำนวนผู้ที่เทรด Forex มากกว่าเทรดหุ้น
- เครื่องมือ: แพลตฟอร์ม ซื้อขายออนไลน์ที่นิยมสูงสุดในปัจจุบันคือ MT4 และ MT5 รองลงมาก็ได้แก่ TradingView และ cTrader
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis): เป็นการศึกษาแนวโน้มของตลาดผ่านกราฟราคา เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต นักลงทุนจะใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น แท่งเทียน, แนวรับและแนวต้าน, และตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (indicators) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด
- การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental analysis): คือการประเมินค่าของสกุลเงินโดยอาศัยข้อมูลเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่อาจมีผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินนั้นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย, การเติบโตของเศรษฐกิจ, และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
- การจัดการความเสี่ยง (Risk & Money management): โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น คำนวณ Lot size ที่เหมาะสม การตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss orders) การใช้ประโยชน์จากการกระจายพอร์ตการลงทุน เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงที่ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในการลงทุน
3. หัวใจของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
- การใช้เงินเย็น (Cold Cash) ในการลงทุนเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ถ้ายังไม่มีอย่ารีบลงทุน ให้เอาเวลาที่รอเงินเย็นไปศึกษาหาความรู้ก่อน
- เงินเย็น หมายถึงเงินที่คุณสามารถจะเสียได้โดยไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ปกติคือเงินที่เหลือจากเงินเก็บเพื่อสภาพคล่อง
- เงินเก็บเพื่อสภาพคล่อง คือเงินที่พอใช้จ่ายในครัวเรือน 3 – 6 เท่าของเงินเดือน แปลว่าต่อให้คุณตกงาน ป่วย ขาดรายได้ 3 – 6 เดือนคุณก็อยู่ได้
- เงินเย็นคือเงินเก็บที่เกินนี้ไปแล้ว จึงมากพอที่คุณจะเสียดายน้อยลง หรือไม่กระทบความมั่นคงของชีวิต ถ้าคุณเสียไป
- นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทราบดีถึงความสำคัญของการไม่ใช้ “เงินจำเป็น” ในการลงทุน
- และเลือกที่จะใช้เงินที่พวกเขาสามารถยอมรับการสูญเสียได้
- นี่คือการป้องกันความเสี่ยงขั้นพื้นฐานที่ทำให้นักลงทุนสามารถรักษาสติในสถานการณ์ตลาดที่ไม่แน่นอนได้
- Money Management หรือการจัดการเงินทุน เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ โดย
- การกำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสม (Position Sizing)
- การจัดสรรเงินทุนอย่างมีระเบียบ
- มีแผนการออกจากการเทรด (Stop Loss) อย่างเหมาะสมเพื่อให้สามารถทนต่อการขาดทุนในระยะสั้นและรักษาผลกำไรในระยะยาวได้
- คือ การจัดการความเสี่ยง เป็นการรักษาเงินหน้าตักการลงทุน
- การรู้จักการตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit อย่างเหมาะสม
- การเข้าใจถึงความผันผวนของตลาดและการใช้ Leverage อย่างรอบคอบ
- คือ การจัดการวิกฤต เป็นความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและหรือภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว (การผิดแผนอย่างร้ายแรง)
- หัวใจหลักคือการมีสติ ยอมรับความจริง รีบลุกให้ไว จงหยุดตั้งสติหรือพักก่อน อย่ารีบเทรดเพื่อเอาคืน อย่าใช้นิสัยตั้ง stop loss ด้วยการหมดตัว
- การมีแผนรับมือสำหรับสถานการณ์ต่างๆในระดับรุนแรง เช่น ข่าวสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน
- Crisis จะเบาบางลงหรือไม่เกิด ถ้ามีวินัยในการรักษาหัวใจของนักลงทุน 3 ข้อข้างต้นเป็นอย่างดี
“วิธีจัดการ Crisis ที่ดีที่สุดคือ ป้องกันทุกวิถีทางแต่แรก อย่าให้เกิด Crisis”
* การเป็นนักลงทุน Forex ที่ประสบความสำเร็จต้องการมากกว่าเพียงแค่ความรู้เกี่ยวกับตลาด แต่ยังรวมถึงการมีหัวใจที่เข้มแข็งในการจัดการกับเงินทุน, ความเสี่ยง, และสถานการณ์วิกฤต การมีวินัย, ความอดทน, และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
4. ฟาร์ม EA: การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
- ฟาร์ม EA หมายถึงการลงทุนในตลาด Forex ผ่านการใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำการเทรดโดยอัตโนมัติ “หลายๆ ระบบเทรด” คล้ายๆกับการทำฟาร์มปศุสัตว์ที่มีการเลี้ยงสัตว์หลายๆชนิด
- เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ด้วยหลักคิดที่ว่า “เป็นการยากที่ในเวลาเดียวกันจะมี EA ล้างพอร์ตทุกกลยุทธหรือทุกระบบเทรด”
- ถ้าสามารถค้นหา/สร้าง และจัดสรรเงินทุนลงในฟาร์ม EA อย่างลงตัว จะทำให้พอร์ตลงทุนโดยรวมเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
- การทำฟาร์ม EA จึงไม่ต่างจากการทำฟาร์มปศุสัตว์ตรงที่ “ห้ามรีบร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาสายพันธ์ เรียนรู้การบริหารจัดการ ตลอดจนค่อยๆขยายฟาร์ม ไม่ลงทุนตูมเดียว”
- สิ่งสำคัญที่สุดในการทำฟาร์ม EA คือความรู้ ไม่ใช่เงินลงทุน ความไม่รู้มีราคาแพงที่ต้องจ่ายเสมอ จงโฟกัสที่ความรู้ก่อน
- การเลือก EA สำหรับทำฟาร์มต้องใช้ความรอบคอบและการวิเคราะห์ที่ละเอียดอ่อนมาก สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงได้แก่
- Logic ทำงานของ EA
- กลยุทธ์การเทรดที่ใช้
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น ผล Back test, Forward test มี Drawdown (DD) เท่าไร
- การทดสอบ EA ก่อน และระหว่างนำมาใช้ในฟาร์มจำต้องทดสอบทั้ง
- Back test: บน Data ที่มีความเสมือนจริงสูงไม่ต่ำกว่า ระดับ 9 % เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อดูภาพรวมและประเมินรูปแบบการลงทุน เช่น จะใช้ลงทุนระยะสั้น กลาง หรือยาว
- Forward test:
- Demo Test: การใช้งานบนบัญชี Demo เพื่อทดสอบสมมุติฐาน ในการหา Preset (Setting) หลากหลายรูปแบบ
- Real Account Test: เพื่อประเมินผลการทำงานและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมการเทรดจริง อันจะช่วยเป็นข้อมูลในการพัฒนาหรือปรับแต่งค่า Preset ให้ดียิ่งๆขึ้น
หลังจากการเลือกและทดสอบ EA แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการติดตั้งและปรับแต่ง EA
- การติดตั้ง EA: บนแพลตฟอร์มการเทรด เป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมา ลงเสร็จเป็นอันเรียบร้อย ช่วงแรกๆอาจต้องมีเช็ค Bug บ้าง
- การปรับแต่ง EA: เพื่อให้ตรงกับกลยุทธ์การลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของ trader แต่ละท่านนั้น ต้องการความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการทำงานของ EA และตัวแปรต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Preset)
- นั่นคือต้องใจเย็นๆค่อยๆ เรียนรู้ และปรับแต่งไป EA ไป EA บางตัวต้องเก็บสถิติและลองผิดลองถูกจนครบวงรอบ 1 ปีกันทีเดียว
- ไม่ต่างจากการทำปศุสัตว์ที่ต้องค่อยๆหาเทคนิคการเลี้ยงสัตว์ ที่ประหยัดต้นทุนสูงสุด ที่ให้ผลผลิตสูงสุด
- การปรับแต่งที่เหมาะสมจะช่วยให้ EA สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้เงื่อนไขตลาดที่หลากหลายและสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดตามเกณฑ์ในใจของ Trader
5. Copy Trade กับ Master Trade Forex
- Copy Trade เป็นระบบที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถ “คัดลอก” การเทรดของ Trader รายอื่น (ที่เราเรียกว่า “Master” หรือ “Trader หลัก”) ไปยังบัญชีของตนเองโดยอัตโนมัติ
- นั่นหมายความว่า คุณสามารถลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ของผู้เชี่ยวชาญโดยไม่ต้องมีความรู้หรือประสบการณ์มากมายในตลาด Forex ก็ได้
ประโยชน์:
- เข้าถึงความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ: นักลงทุนสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ของ Master Trader มาทำกำไรให้เราได้โดยตรง
- ประหยัดเวลา: ไม่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ตลาดเอง ตลอดจนเวลาในการสั่งสมองค์ความรู้ในระบบเทรดนั้นๆ ซึ่งมีหลากหลายมิติระบบเทรดด้วยกัน
- กระจายความเสี่ยง: สามารถคัดลอกการเทรดจากหลายๆ Master เพื่อกระจายความเสี่ยง ด้วยหลักที่ว่า “เป็นการยากที่ทุกระบบเทรดจะแพ้ตลาดในเวลาเดียวกัน”
ข้อดี:
- เหมาะกับผู้มีทุนระดับหนึ่ง แต่ขาดทักษะหรือเวลา
- เหมาะกับคนที่มีทักษะการ MM ที่ดี
- เหมาะกับสายนักลงทุน (Investor) ซึ่งจะแตกต่างในรายละเอียดจากสาย Trader อยู่พอสมควร
- ง่าย ไม่ต้องรับแรงกดดันเอง ไม่ต้องเหนื่อยเอง (ภายใต้เงื่อนไขว่าได้เลือก Master ถูกคน และ MM อย่างถูกต้อง)
ข้อเสีย:
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Master Trader: ผลกำไรในอดีตไม่รับประกันผลกำไรในอนาคต
- ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ (ส่วนใหญ่มี)
- การพึ่งพาผู้อื่น: ความสำเร็จของการลงทุนขึ้นอยู่กับผู้อื่น การยืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดเวลาอาจไม่ใช่เรื่องดี
ทางเลือกทางออก / แนวคิดมองโลกแบบหลายมิติ:
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Master Trader: ต้องเลือก Master ให้เป็น “ให้เหมาะสมกับระบบการลงทุนที่เราพร้อมมากที่สุด” เหมือนเลือกลูกน้อง หรือเลือกผู้นำ อาจไม่มีลูกน้องหรือผู้นำดีที่สุด มีแต่ที่เหมาะสมกับเราที่สุด ณ ห้วงเวลาหนึ่งๆ
- ค่าธรรมเนียม:
- ปกติอยู่ราวๆ 5-25% เกินขอบเขตนี้แนะนำให้ปล่อยผ่าน น้อยไปก็เสี่ยง มากไปก็ไม่คุ้มทุน
- ถือเป็นการซื้อความสะดวกสบายหรือซื้อโอกาส
- ปกติถ้าซื้อความสะดวกสบายอย่างการซื้อ EA มารันเองก็ต้องเสียค่าเช่า VPS อยู่ดี
- การพึ่งพาผู้อื่น:
- Trader ต้องศึกษาการเทรดทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ การ copy trade จะช่วยลดเวลาความสำเร็จให้สั้นลงได้ และอาจจะลดพลังงานในการศึกษาได้ แต่คุณจะพึ่งคนอื่นทั้งหมดตลอดไปย่อมไม่ได้ คุณต้องมีองค์ความรู้และพึ่งพาตัวเองได้ด้วย
- จริงๆแล้วคนที่มีทักษะในการบริหารจัดการ มีทุนมากพอ มีคุณลักษณะของ Investor จะอาศัย Master Trade ในการช่วยทำเงินให้แก่ตัวเอง “คนฉลาดจริงๆจะหาตัวทดกำลัง เพื่อให้ทำงานน้อยลง แต่ผลผลิตมากขึ้น ทางหนึ่งคือใช้เทคโนโลยีหรือคนที่ไว้ใจได้ให้ทำงานแทน”
- แน่นอน โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีโดยแท้จริง การตอบแทนด้วยค่า Profit Sharing อย่าง “เหมาะสม” จึงเป็นเรื่อง “แฟร์ และสมเหตุผล”
ควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้:
- ประวัติการเทรด: หา Master ที่มีประวัติการเทรดที่ stable และโปร่งใส เช่น
- มี Myfxbook ที่โอเค อย่างน้อย 1 รอบปีขึ้นไป
- อย่าเน้นที่ชื่อเสียง Master ทุกวันนี้ชื่อเสียงและคนติดตามมันซื้อกันได้ มันปั่นกันได้
- ความโปร่งใส: ตรวจสอบได้ว่ามีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดและผลลัพธ์ในอดีตหรือไม่
- ควรมีอย่างน้อย face book แฟนเพจ เป็นของตนเอง
- ไม่เน้นกลุ่มไลน์ เพราะเป็นอะไรที่ตรวจสอบยากกว่า และปั้นตลาดได้ง่าย การหลอกลวงในกลุ่ม Line เยอะกว่า
- ดีที่สุด Master ควรมีกลุ่มเทรด หรือเว็บไซต์เป็นของตนเอง หรือมีหนังสือของตนเอง
- ค่าธรรมเนียม: Follower ควรเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียม Profit Sharing และตัดสินใจว่ามันเหมาะสมกับคุณหรือไม่ ปกติก็อยู่ในช่วง 5-25%
- ความเข้ากันได้: ตรวจสอบว่าบริการ Copy Trade ของ Masterนั้น เข้ากันได้กับเป้าหมายการลงทุนของคุณหรือไม่ เช่น
- ใช้ระบบเทรดที่คุณโอเคหรือต้องการหรือไม่
- DD หรือผลกำไร เป็นไปตามเป้าหมายหรือความรับได้ของคุณหรือไม่
- ปกติ Master ชั้นดีจะคุม DD ไม่ให้เกิน 20% ผลกำไร 5-15 % ต่อเดือน (อย่าหลงไปกับกำไรที่สูงลิ่ว มันมักแลกมากับ “ความเสี่ยงแฝง” เสมอ)
- ตรวจสอบความคิดเห็นและรีวิว: หาข้อมูลจาก “ผู้ใช้บริการจริง” เพื่อเข้าใจประสบการณ์ของพวกเขา ซึ่งมันยากตรงการเฟ้นหาผู้ใช้บริการจริงมิใช่หน้าม้านี่แหละ…แต่ก็ไม่ได้ยากนักหากตั้งสติหาจริงๆ
- ตรวจสอบผลลัพธ์: ผลลัพธ์ที่ดูเกินจริงอาจเป็นสัญญาณเตือนชั้นดี “อย่าให้ความโลภมาหลอกคุณ จงเป็นคนที่จับผิดสังเกตให้เก่งเข้าไว้” คุณจำเป็นต้อง
- อ่านและประเมินผล Back test ให้เป็น
- อ่านและประเมินผลสถิติ Myfxbook ให้เป็น
- ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ
- โคชที่ทำ Master trade กับโบรกเกอร์ที่ “มีความน่าเชื่อถือ” จะมีทักษะการเทรดที่สูงกว่าโคชที่โชว์แต่พอร์ตฟ้าแต่ไม่เคยแม้แต่เทรดสดให้ดู
- โบรกเกอร์ No name สร้างกราฟและผลการเทรดเองได้ ดังนั้นอย่างแรกต้องหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์เหล่านี้ก่อน
- ความโปร่งใส: หลีกเลี่ยง Master ที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอ เกี่ยวกับกลยุทธ์หรือผลลัพธ์การเทรดของพวกเขา
- ตระกูลโชว์แต่พอร์ตฟ้า ไม่กล้าโชว์พอร์ตแดง
- ตระกูลเรียกหา Myfxbook ไม่ได้
- ตระกูลไม่มี profile ที่อื่น เชิญชวนแต่เข้ากลุ่ม line
- คำแนะนำ: มีการแนะนำจากเพื่อนหรือครอบครัวที่ “เชื่อถือได้” แต่สิ่งที่เหนืออื่นใดคือ จากตัวของคุณเองที่เชื่อถือตัวเองได้นั้นสำคัญที่สุด
* การใช้ Copy Trade สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนโดยใช้ความรู้และประสบการณ์ของผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ความรู้และความรอบคอบของ Follower เป็นสิ่งจำเป็นในการคัดกรองและเลือกบริการของ Master ที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถนำระบบลงทุนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้
“เทรดเองล้างพอร์ตได้ฉันใด Copy trade ก็ล้างพอร์ตได้ ฉันนั้น”
6. ความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยง (MM)
“ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าการลงทุนนั้นจะมาจาก ทักษะของมนุษย์ หรือว่าระบบ algorithm ทางคอมพิวเตอร์ก็ตาม” ฟาร์ม EA และ Copy Trade เองก็มีความเสี่ยงที่ต้องยอมรับและต้องควบคุม ได้แก่
- ความเสี่ยงด้านตลาด (Market risk): ความผันผวนของตลาด ไม่ว่าจะมาจากข่าวแรง ภาวะสงคราม โรคระบาด ฯลฯ อาจทำให้ผลการดำเนินงานของ EA หรือผู้ที่เราเลือก Copy Trade ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง
- ความเสี่ยงด้านเทคนิค (Technical risks): ปัญหาทางเทคนิค เช่น การขัดข้องของระบบ หรือการขาดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตชั่วขณะ สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของ EA หรือการ Copy Trade ได้ ส่วนนี้ต้องควบคุมและเลือกเครื่องมือที่เสถียร ตลอดจนเลือกโบรกเกอร์ที่มีระบบที่ดี
- ความเสี่ยงในการจัดการ (Management risks): การตั้งค่าที่ไม่เหมาะสมของ EA หรือการเลือกผู้ที่มีประวัติการทำกำไร “ไม่ชัดเจน” ในการ Copy Trade สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ จำต้องพัฒนาหลักคิดและเทคนิคบริหารจัดการให้รัดกุม
- ความเสี่ยงด้านจริยธรรม (Ethical risks): การ Copy Trade อาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความโปร่งใสของผู้พัฒนา EA, ของโบรกเกอร์ที่ให้บริการ, ตลอดจนความเชื่อถือได้ของ Master copy trade
Checklist สำคัญ เพื่อประเมิน และควบคุมความเสี่ยงในการเทรด Forex ได้แก่
- การวิเคราะห์ความเสี่ยงตลาด (Market Risk Analysis): ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดที่อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลาง, รายงานเศรษฐกิจ, หรือเหตุการณ์ทางการเมือง
- เลือกเทรดในภาวะตลาดที่เราถนัด
- การจัดการความเสี่ยงด้วยการตั้งค่าหยุดขาดทุน (Stop-Loss Orders): “ในเบื้องต้น การรักษาพอร์ตลงทุนเอาไว้ สำคัญกว่าการทำให้พอร์ตโตอย่างรวดเร็ว”
- การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านเลเวอเรจ (Leverage Risk Analysis): เลเวอเรจเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรก็จริง แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วย การใช้เลเวอเรจอย่างเหมาะสม มีสติ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนได้อย่างมาก
- การเข้าใจความเสี่ยงของคู่สกุลเงิน (Currency Pair Risk): ความผันผวนของคู่สกุลเงินแต่ละคู่แตกต่างกัน การเลือกคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนตรงกับระดับความสามารถในการเทรด และความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณเป็นสิ่งสำคัญ
- เลือกเทรดแต่คู่เงินที่ชำนาญและใช่สำหรับเรา
- การจัดการเงินทุน (Capital Management): การจัดการเงินทุนอย่างระมัดระวังช่วยให้คุณสามารถทนต่อการขาดทุนในระยะสั้นและยังคงอยู่ในเกมการเทรดได้อย่างต่อเนื่อง
- การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านอารมณ์ (Emotional Risk Analysis): การตัดสินใจทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ สามารถเพิ่มความเสี่ยงได้ การฝึกฝนการเทรดโดยไม่ให้อารมณ์มีอิทธิพลเป็นสิ่งสำคัญ
- เมื่อโลภ เมื่อโกรธ(อยากเอาชนะ) เมื่อหลง(เทรดได้ต่อเนื่องจนย่ามใจ) พึงรู้เท่าทันและออกจากการเทรดก่อน เมื่อมีสติบริบูรณ์แล้วจึงกลับมาเทรดอีกครั้ง
* Risk Management Checklist เหล่านี้ Trader จำเป็นต้องตระหนัก มี ทำ และวางแผนให้รัดกุมที่สุดเท่าที่จะทำได้
- การตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit: เป็นเทคนิค “พื้นฐาน” ที่ช่วยจำกัดการสูญเสียและล็อกกำไร
- การกระจายการลงทุน: การไม่ใส่เงินทั้งหมดในการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่กระจายไปยังหลายๆ การลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง
- การใช้ Equity Protection: ฟังก์ชั่นนี้ช่วยในการควบคุมความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ โดยจะหยุดการซื้อขายเมื่อเงินทุนลดลงถึงระดับหนึ่ง “พึงเย็นให้พอ รอให้ได้”
- การศึกษาและการฝึกอบรม: การเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับ ตลาด, ทักษะการเทรดด้วยมือ(Manual), การใช้ EA, และการ Copy Trade สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มาก “ความไม่รู้ย่อมมีราคาแพง จงอย่าลงทุนในขณะที่ยังไม่รู้มากพอ”
7. แนวคิด ตัวอย่าง และกรณีศึกษา เกี่ยวกับ Farm EA และ Copy trade
- โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีการสร้าง EA มีการพัฒนาไปมาก สมัยก่อนต้องเขียน Code ซึ่งใช้เวลามาก ปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยเขียน EA “fxDreema” ซึ่งทำให้ชีวิตง่ายขึ้น และง่ายขึ้น…
- แม้การเทรดด้วยมือในปัจจุบันยังเป็นคำตอบของการทำกำไร แต่ในอนาคต และในระยะยาว EA จะชนะบรรดาเทรดเดอร์ที่เทรดด้วยมือทั้งหลาย ด้วยข้อได้เปรียบในแง่ ถึก ทน ไม่กิน ไม่นอน ไม่ป่วย ไม่ตาย…ไม่หมด Passion
- EA ยังสามารถชนะได้ด้วยที่สามารถ Copy ความสามารถกันได้ง่ายๆ โคชต่อให้เก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถสอนให้คนเทรดตาม เทรดเก่งเช่นตัวเองได้แบบ 100%
- ในทางสถิติได้พียง 5-15% ในเวลา 1-3 ปี มากน้อยตามความยากง่ายและความซับซ้อนของระบบเทรด
- แต่… EA ทำได้ 90% (ส่วนที่หายไป 10% เพราะนอกคำแนะนำในการ Setting หรือไปใช้โบรกเกอร์ หรือบัญชีที่แตกต่างไปจากคำแนะนำ)
- ให้ทยอยๆหา EA ที่ “ใช่” ด้วยความเจ๋งของตัว EA เอง และ “ใช่” เพราะว่าถูกจริตกับแนวการเทรดของคุณเอง
- เมื่อได้ตัวที่ “1” จึงค่อยขยายขนาดการลงทุนไปตัวที่ “2” และ “3” …. ไปเรื่อยๆ ปกติไม่ควรเกิน 6 ตัว เอาที่พอไหว การรู้จักหยุด รู้จักพอ รู้จักประมาณกำลังของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการลงทุน
“เงินมันจะหายและหนีจากคุณไป หากใช้มันทำงานในสิ่งที่เกินความสามารถของมัน หรือเกินความสามารถในการควบคุมของเรา”
ตัวอย่าง และกรณีศึกษา:
- เทรดเดอร์ A เป็นสาย Scalping สามารถเอาตัวรอดและเข้าใจในจุดแข็ง จุดอ่อนของระบบนี้เป็นอย่างดี ก็เลือกหา EA Scalping มาใช้
- ตั้งค่า EA ตามคำแนะนำของผู้ผลิต ไม่นอกครูไม่นอกตำรา พอเข้าใจมันดีแล้วค่อยขยับปรับเปลี่ยนวิธีการตั้งค่าให้เป็นไปตามวิถีการเทรดของตนเองในภายหลัง
- การซื้อหรือใช้บริการค่าย EA ไทยจึงได้เปรียบกว่าค่ายนอก
- ค่ายนอกเขาไม่ตอบ ไม่บริการจนแทบจะอุ้มแบบในไทยหรอกครับ
- ถอนกำไรเป็นประจำทุกเดือน จนกระทั่ง กำไรที่ถอนได้เทียบเท่าต้นทุนทั้งหมด
- จากนั้น เอาเฉพาะกำไรรันต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างนี้ทยอยๆถอนกำไรไปใช้เป็นประจำ
- การลงทุนเช่นนี้ ช่วงแรกต้องใช้ความอดทนสูง แต่เป็นวิธีที่กดดันน้อย และยั่งยืนในระยะยาว
- เมื่อมีความพร้อมรอบด้าน เช่น เวลา ทุน องค์ความรู้ จึงค่อยๆ “กระจายความเสี่ยง” ไปหา EA ระบบอื่นมาใช้ ห้ามรีบร้อน !!
“รีบร้อนคือเม่า เฝ้ารอจังหวะคืออินทรีย์”
- Copy Trade เป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถทำซ้ำ (copy) การซื้อขายของนักลงทุนอื่นๆ ที่ “เทรดเก่ง มีกำไรต่อเนื่อง” ได้
- คล้ายคลึงกับการใช้ EA คือ ไม่ต้องเทรดเองด้วยมือตัวเอง ก็มีโอกาสทำกำไรได้
- สำคัญที่ต้องเลือก EA หรือ Master trade ที่ “ใช่” สำหรับเรา
- แบบเดียวกับอยากกินอาหารอร่อย ไม่จำเป็นต้องไปหัดทำเอง “ทำเองไม่รู้ว่าเมื่อไรจะอร่อย”
- รู้จักเลือกร้านอร่อยๆ พอ ได้เปรียบตรงที่ “อร่อยได้หลากหลายเมนูด้วย” ซื้อกินบางทีก็ง่ายดี
- ทำให้ผู้ที่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญ สามารถเข้าถึงผลตอบแทนจากการลงทุน ได้แบบเดียวกับ “Master trade ชั้นเยี่ยม” ทั้งหลายได้
- ประเภทของ Master Trade แบ่งตามวิธีการเทรด ได้แก่
- เทรดมือ (Manual) 100%: % กำไร และ DD มักไม่นิ่ง คาดการลำบาก เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายๆด้าน เช่น เวลา อารมณ์ สภาพตลาด
- EA 100%: พอคาดเดา % กำไร และ DD ได้จากผล Back Test และ Forward Test ทำให้ Follower สามารถปรับกลยุทธการ MM ได้ง่าย
- Hybrid (Manual+EA): ปกติกำไรจะหวื๋อหว๋าขึ้น, อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็ปลอดภัยขึ้น อันขึ้นอยู่กับสไตล์ของ Master นั้นว่าเป็นสายไหน “Save หรือ ซิ่ง ?”
- คาดเดา % กำไร และ DD ยากขึ้นมาหน่อยจาก EA 100%
ตัวอย่าง และกรณีศึกษา:
- Trader A ต้องการลงทุนในตลาด Forex แต่ไม่มีเวลาศึกษาและติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เขาจึงเลือกใช้บริการ Copy Trade เพื่อคัดลอกการเทรดของนักลงทุนมืออาชีพที่มีประวัติการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้งาน Platform Copy Trade
- Trader A จึงวิเคราะห์ประวัติการลงทุน ผลตอบแทน และระดับความเสี่ยงของบรรดา Master Trade ทั้งหลาย และคัดเลือกคนที่ “ใช่” มาเพียง 1 คน
- โดยดูที่ “ทุน” ที่ตนมี ซึ่งสอดคล้องกับ “ความเสี่ยง” ที่ยอมรับได้ ตลอดจนผล “กำไรที่”คาดหวัง (ภายใต้หลักแห่งความเป็นจริงที่จริงตลอดมา แต่คนมักชอบมองข้ามกัน “ยิ่งกำไรมาก ยิ่งเสี่ยงมาก”)
- ช่วงแรกๆ follower จำเป็นต้องติดตาม ประเมิน และควบคุมความเสี่ยงด้วยตัวเอง (หยุด follow) จนกว่าจะเห็นว่าพอปล่อยได้ จึงค่อยๆปล่อยให้พอร์ตโต
- เมื่อผลกำไรเติบโตจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนเม็ดเงินในการลงทุน หรือกระจายความเสี่ยงไปยัง Master trade คนอื่นๆต่อไป เข้าสู่โหมด “การทำ Farm Copy Trade”
- ไม่ติดตามเกิน 6 master trade (เช่นเดียวกับการทำ farm EA) เพราะคุณจะดูแลไม่ไหว อย่าลงทุนเกินแรง เกินความควบคุมของตัวคุณเอง
* แน่นอน ไม่มีใครการันตีกำไรได้ เช่นเดียวกับไม่มีใครการันตีได้ว่าจะไม่ล้างพอร์ต การรู้จักเลือก EA หรือ Master ที่ดีจริง ใช่จริง เหมาะสมกับเราจริง จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอันดับแรก และเรื่องของการ MM การบริหารเงินหน้าตักการลงทุนของตนก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
8. แนวทาง และอนาคตของการลงทุนใน Forex
- AI (Artificial intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือ เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ ที่สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ประหนึ่งหรืออาจสูงกว่าปัญญาของมนุษย์
- โดยใช้กระบวนการเรียนรู้จากข้อมูลอันมหาศาล (Big Data)
- เพื่อให้เกิดกระบวนการ “Machine Learning”
- เพื่อสร้างโมเดลที่สามารถทำนายผลลัพธ์จากข้อมูลต้นฉบับได้อย่างแม่นยำ
- โดยใช้วิธีการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ และสถิติเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล
- ปัจจุบัน AI แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- Machine Learning (ML): โมเดลทางคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้ และปรับปรุงความแม่นยำได้ด้วยตนเองจากข้อมูลที่มนุษย์ใส่เข้าไป
- Deep Learning: รูปแบบของ AI ที่ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) เพื่อเรียนรู้ และสร้างโมเดลการจำแนกหรือการทำนายที่มีความซับซ้อน
- Natural Language Processing (NLP): การประมวลผลภาษาของมนุษย์ เพื่อเข้าใจความหมาย และแปลความหมายเป็นข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
- Robotics: ระบบ AI ที่ใช้ในการสร้างหุ่นยนต์เพื่อทำงานต่างๆ เช่น งานอุตสาหกรรม การแพทย์ การบริการ เป็นต้น
- Computer Vision: การประมวลผลภาพ และวิดีโอเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถ แยกแยะวัตถุ รูปร่าง และคุณสมบัติต่าง ๆ ของภาพนั้น
- AI จะใช้เทคนิคการเรียนรู้ “จากประสบการณ์” ทั้งการตัดสินใจที่ผิดและถูก นำมาวิเคราะห์จนเกิดเป็นระบบจำกัดความเสี่ยง (Minimize Risk) ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกลงทุนทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
- โดยระหว่างการลงทุนด้วย AI หากเกิดความเสี่ยงที่นำไปสู่ความเสียหายที่สูง (Tail Risk/Black Swan Risk หรือ Rare Case Risk) AI จะปรับกระบวนการตัดสินใจ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่มนุษย์ไม่สามารถทำนายได้ จาก big Data ที่ AI ได้เรียนรู้
- AI ยังช่วยในการพัฒนากลยุทธ์การเทรด เช่น การเทรดอัตโนมัติ (Automated Trading) หรือการใช้ EA (Expert Advisors) ให้มีความยืดหยุ่น ปรับตัวเองได้ ซับซ้อนขึ้น ฯลฯ เพื่อการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความผิดพลาดให้น้อยลงที่สุด
- การเทรดจะมีการปรับกลยุทธการเทรด “ราวกับเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีทักษะการเทรดสูง”
- ในขณะที่ EA จะใช้ Logic เดียวในการเทรด นั่นคือ “จุดอ่อน” เพราะตลาดมีวิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
- และก็เป็น “จุดอ่อนคนที่เทรดมาไม่นาน” ด้วย เนื่องจากมักจะมี Logic การเทรดที่ไม่หลากหลาย ไม่สามารถรับมือกับภาวะตลาดที่ซับซ้อนและมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
- ยุคอนาคต ใครที่ครอบครอง AI ในส่วนไหน จะครองโลกในส่วนนั้น “ครอบครอง AI การลงทุน จะครองโลกแห่งการลงทุนและเศรษฐกิจ”
- ปัจจุบัน (2024) ยังไม่พบ AI Trading ที่เผยแพร่เป็นสาธารณะครับ !!
- ถ้าเป็นส่วนเสี้ยว AI เอามาต่อกับ Logic ของ EA เช่น EA ที่มีการเชื่อมต่อกับ ChatGPT อันนี้มี แต่สุดท้ายก็ไม่นับว่ามันคือระบบเทรด AI เพราะ “มันไม่เข้านิยาม และประสิทธิผลของมันยังไม่ถึงขั้น”
- มีเห็นโดยทั่วไปทาง เว็บ MQL5 ซึ่งเมื่อทางทีมงานนำ ตย.มาวิเคราะห์ พบว่าไม่ถือว่าเข้าเกณฑ์ AI
- เท่าที่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ครอบครอง AI เพื่อการลงทุน “ของจริง” คือ
- จิม ไซมอนส์ (Jim Simons) ผู้ก่อตั้งกองทุน Renaissance Technologies และเป็น Trader สาย Quant (Quantitative Trader)
- สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ 39% ต่อปีหลังหักค่าธรรมเนียม (66% ต่อปีก่อนหักค่าธรรมเนียม) ระหว่างปี 1988 – 2018
- ในขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) อยู่ที่ 20% ต่อปี
- และผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นสหรัฐ S&P 500 อยู่ที่ 11.88% ต่อปี
- จินตนาการด้วยตรรกะเชิง “การปกป้อง และรักษาผลประโยชน์”
- ถ้ามีสิ่งที่ล้ำสมัยและดีจริงที่ทำเงินได้มหาศาลและแทบไร้ความเสี่ยงจริง
- คงไม่มีใครปล่อยออกมาให้สาธารณะได้ใช้
- เนื่องจากไม่เห็นผลอันดีเลิศอันใดที่คุ้มค่ากว่าการเก็บไว้ใช้เอง
- และการปล่อยของอย่างนี้ออกมาให้ใช้เป็นสาธารณะ อาจเป็นปัจจัยถึงขนาดการเปลี่ยนแปลงและการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ
- ต้องศึกษาให้นานพอ: ก่อนเริ่มต้นใช้บริการ EA หรือ Copy Trade ควรศึกษาถึง
- พื้นฐานของตลาด Forex
- วิธีการทำงานของระบบเหล่านี้
- เจาะลึกถึงตัว EA และ Master Copy Trade ว่า “ดีจริง” และ “เหมาะกับเราหรือไม่”
- ทดลองใช้งาน: ไล่ตั้งแต่ Back Test > Demo Test> Run Port Cent > Run Port Normal เช่น STD ECN เป็นการเรียนรู้จากสนามจริง ในระหว่างนี้ควรศึกษาเทคนิคการเทรดมือไปด้วย
- มีพอร์ต Cent สักพอร์ตพัฒนาระบบเทรดมืออย่างต่อเนื่อง
- จะช่วยให้เข้าใจแก่นของตลาด, EA, และระบบ Copy trade ได้อย่างมาก
- จัดการความเสี่ยง ปรับกลยุทธตามหน้างาน ปั้นพอร์ต:
- อยู่ให้รอดในตลาดก่อน !!
- จากนั้น > ใช้กำไรล้วนๆ ในการลงทุน (ถอนทุนออกให้หมด รันเฉพาะกำไร)
- จากนั้น > ปั้นพอร์ตให้โต
- จากนั้น > กระจายพอร์ตทำ Farm เพื่อกระจายความเสี่ยง
- จากนั้น > รอเก็บกำไร เพื่อใช้จ่ายหรือขยายไปการลงทุนด้านอื่น
- * ขั้นตอนที่ 3 นี้คือ “ของจริง” ที่ต้องใช้เวลา การเรียนรู้ และความอดทนอย่างมาก
“โลกการลงทุนไม่มีอะไรง่าย ถ้าเขาบอกคุณว่าง่าย นั่นแปลว่าเขาหลอกคุณ”
9. เกี่ยวกับทีมงาน ของเรา หลักการทำงานของเรา
- เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด และดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ผลงานเว็บไซต์ทั้งหมดนี้จึงใช้ทีมงานมืออาชีพที่มีทักษะและความรู้หลากหลาย อันเกิดจากคนที่มีฝันร่วมกัน 7 ชีวิตด้วยกัน
- ผู้ร่วมก่อตั้ง/ผู้บริหาร 5 คน
- Freelance 1 คน
- เด็กปั้น 1 คน
- หลักการทำงานที่ถือเป็น Key success ของเราคือ “จรรยาบรรณ ในการให้ข้อมูลอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา และดำเนินธุรกิจแบบจริงใจ”
- “จรรยาบรรณ” คำนี้เรียบง่าย แต่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งในสายการเงิน และในสาย Forex
- ใครจะทำอย่างฉาบฉวย นำเสนอแต่สิ่งดี แต่สิ่งเพ้อฝัน เราจะไม่ทำ !!
- เราจะนำเสนอครบทั้งประเด็นด้านสว่าง ด้านมืด และเสนอทางเลือกทางออกอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา และซื่อตรง
- เราเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงในรอบด้าน และเน้น “ข้อมูล ที่ครบถ้วนเพื่อใช้ในการเทรด” สมกับสโลแกนที่เราพูดเป็นประจำที่ว่า “EAForexCenter: ครบเครื่องเรื่อง EA”
10. ภาพรวม และสรุป การทำฟาร์ม EA ด้วยระบบ Copy Trade
- การทำ Farm การลงทุน (ฟาร์ม EA และ Farm Copy Trade) เป็นกลยุทธหนึ่งที่เป็นเทรนการลงทุนที่น่าจับตามอง เป็นเทรนที่ต่อไปจะถือเป็นการลงทุนในรูปแบบหนึ่งอันจะเป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันมาก
- เนื่องจาก ตลาด Forex ไม่ใช่ที่ ที่ทุกคนจะสำเร็จได้โดยรวดเร็วและง่ายดาย ทุกๆรูปแบบการลงทุนหรืออาชีพก็เช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับที่
“ไม่ใช่ทุกคนในโลกจะเป็นนักร้องมืออาชีพ หรือเป็นนักตกปลามืออาชีพได้ ด้วยเพราะมนุษย์มีขีดจำกัดหรือความมิเท่าเทียมแห่ง อิทธิบาท 4 ความถนัด พลัง เวลา ฯลฯ”
- ในเมื่อมีอาหารมากมายที่ “อร่อย ตอบสนองลิ้นของเราได้ในมิติรสชาติที่ต่างกัน” ทำไมเราต้องเสียเวลาเรียนและฝึกทำ สิ้นเปลืองวัตถุดิบ ผ่านการเทวัตถุดิบทิ้ง ทั้งๆที่ “ซื้อกิน” ก่อนก็ได้ กินก่อนแล้วค่อยฝึกทำเองก็ยังไม่สาย
- วิธีที่จะรู้ว่าของไหนอร่อย บางทีก็ไม่ต้องเสียตังลองกินเอง เราสามารถดูรีวิว ดูคนเข้าร้าน ดูสถิติการเติบโตของร้านก่อนก็ได้ เช่นเดียวกับที่ หากอยากรู้ว่า EA หรือ Master trade ท่านไหนเป็นตัวจริง ก็สามารถแกะร่องรอยข้อมูลได้จาก
- ผล Back Test ด้วย Data 99.9 ขึ้นไป เป็นเวลาเกิน 3 ปีขึ้นไป
- Myfxbook (Forward Test) ที่มีผลทดสอบเกิน 1 ปีขึ้นไป
- “ความนิยม” ที่เกิดจากความสามารถในการเทรดจริงๆ ในมิติทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงที่สมดุล เหมาะสม มิใช่ความนิยมที่เกิดจากการสร้างภาพลักษณ์ใส่สูทถ่ายรูปคู่กับรถหรู หรือการซื้อโฆษณา
- พื้นฐานของนักลงทุนที่สำคัญยิ่งคือ “การแยกขยะออกจากทองคำ” ได้
- หากยังทำได้ไม่ดีพอ “คุณจะเป็นเพียงแมงเม่า หมูในอวย หรือเป็นเพียงนักพนัน”
- ความได้เปรียบและจุดแข็งของ EA และ Copy Trade คือ
- ผู้ลงทุนหรือ Trader ไม่ต้องเทรดเก่งมากนักก็ลงทุนในรูปแบบนี้ได้
- ย่นระยะเวลาโอกาสสำเร็จจากเวลาปกติเกิน 4 ปี เหลือ 1-2 ปี
- คำแนะนำอย่างยิ่งคือ “อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดเวลา ให้ยืมเพียงชั่วคราว” ต้องหมั่นฝึกการเทรด และหาวิถีหรือระบบเทรด “ส่วนตัว” ให้เจอจนเอาตัวรอดได้เองในตลาดนี้ได้
- ลดพลังและเวลา
- เรียกว่าเทคนิค “สกิลชาวบ้าน เวลางานคนอื่น” การเป็น fulltime trader ถ้าไม่ “คลิ๊ก” และวางระบบดีๆ จะใช้พลังงานและเวลามาก บางทีใช้มากกว่างานประจำ ในขณะที่ผลตอบแทนก็ไม่แน่นอน
- แทนที่จะออกมา “เสี่ยงตาย” มาเป็น fulltime trader ทั้งๆที่ยังไม่ช่ำชอง ตามสถิติมักพบว่าคนเหล่านี้ “ได้ตายจริงๆ” กว่า 80 % สุดท้ายต้องเบนเข็มไปหารายได้ในหนทางอื่น ไม่ใช่รายได้หลักจากการเทรด หรือไม่ก็กลับไปหางานประจำแทน
- หัวใจหลักของความสำเร็จในสาย EA และ Copy Trad คือ “หา Road Poneglyph ให้เจอ” คือหา EA ที่ใช้ได้ดีจริง หา Master trader ที่เป็นของจริงให้ได้ แนวคิดหลักในการหาคือ
- เน้นเฟ้นหาด้วยข้อมูลทางสถิติ ลืมอารมณ์ความรู้สึกโดยเฉพาะความโลภซะ
- ลดเพดานการอยาก “รวยเร็ว” ลง ก็ระดับ Jim Simons ยังมีผลประกอบการ 66% ต่อปี (4.3% ต่อเดือน) ก่อนหักค่าธรรมเนียม ระหว่างปี 1988 – 2018 (30 ปี) แล้วคุณจะไปมองหา “จอกศักดิ์สิทธิ์” อะไร ที่การันตีผลตอบแทน ถึงเดือนละ 10 % ขึ้นไป โดยไม่มีโอกาสล้างพอร์ต
- เมื่อระบบทำเงินไม่ว่าจะ EA หรือ Copy trade ที่เราเลือกนั้นนิ่งดี เสถียรดีแล้ว จึงค่อยๆขยายพอร์ตหรือกระจายความเสี่ยงไปที่ระบบที่หลากหลายขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง เป็นลักษระของการ “ทำฟาร์ม” ซึ่งต้องให้พอดีต่อตัว ฟาร์มที่ใหญ่และมากเกินกำลังก็ไม่ใช่เรื่องดี “过犹不及” (guò yú bù jí) = มากเกินไปไม่เพียงพอ”
- ท้ายสุดแล้ว ทุกวิถีหนทางการลงทุน หรือแม้แต่ทุกอาชีพ “ถ้าพยามและฉลาดพอ” ก็สำเร็จได้ทั้งสิ้น มากบ้างน้อยบ้างตามพื้นฐานและเหตุปัจจัย พยามให้มากศึกษาข้อมูลและฝึกฝนให้มาก “เย็นพอ รอได้ รู้จังหวะ เร่งเร็ว-ผ่อนช้า หนัก-เบา อ่อน-แข็ง” ย่อมสำเร็จแน่นอน
“วันพีชน่ะ …. มีอยู่จริง !!”