DCA ยังไงให้ได้เงินใช้ทุกเดือน
Dollar-cost averaging หรือ DCA คือ วิธีการลงทุนแบบหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงสำหรับมนุษย์เงินเดือน หรือนักลงทุนมือใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลสำหรับระบบ DCA หากสินทรัพย์อยู่ในช่วงขาลงจะทำให้นักลงทุนไม่สามารถนำเงินในส่วนนั้นออกมาใช้ได้
ทางทีมงาน eaforexcenter จึงได้สร้าง EA ตัวหนึ่งซึ่งมีพื้นฐานมาจากแนวคิดแบบ DCA แต่ปรับแต่งโดยใช้ข้อดีของ EA ที่ทำงานได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงและปราศจากอารมณ์ ทำให้เกิดเป็นระบบที่มีเปอร์เซ็นต์การขาดทุนที่ต่ำและทำกำไรได้สูงกว่า นอกจากนั้นนักลงทุนยังสามารถถอนเงินลงทุนบางส่วนมาได้อีกด้วย
DCA คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ที่นักลงทุนจะลงทุนด้วยเงินที่เท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น เดือนละ 1,000 บาท ทุกวันที่ 10 โดยจุดเด่นคือ ช่วยสร้างวินัยในการลงทุน ตัดปัจจัยเสี่ยงเรื่องอารมณ์และเวลา อย่างไรก็ดี เทคนิคนี้ หากทำการซื้อโดยไม่จับจังหวะ จะทำให้เกิดการขาดทุนสะสม หรือสร้างผลตอบแทนที่ไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าสินทรัพย์นั้นจะมีพื้นฐานที่ดีและมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคามาตลอดก็ตาม
ตัวอย่างสินทรัพย์ที่ดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายทศวรรษ คือ หุ้น SCB เป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีการเงิน ปัจจุบันได้ทำกิจการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัท purple venture, แพลตฟอร์ม Finnix, บริษัท MONIX, SCB10X
นอกจากพื้นฐานและการเติบโตที่ดีแล้ว ยังมีกองทุนทั้งไทยและเทศขนาดใหญ่ถือหุ้นตัวนี้อยู่ คุณสมบัติขนาดนี้ ถ้าเราทำการ DCA หรือซื้อหุ้นตัวนี้แบบเท่ากันติดต่อกันสัก 1 ปี ขึ้นไป ภาพรวมจะต้องกำไรอย่างแน่นอน ผู้เขียนเองก็คิดเช่นนั้น จนกระทั่ง…ได้ทำการทดสอบโดยทำการซื้อหุ้นตัวนี้ในปี 2018 ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมจนถึงเดือนธันวาคม เดือนละ 1,000 บาท แน่นอนว่าหากเราทำการเก็บเงินเองสิ้นปีมาเราจะมีเงิน 12,000 บาท แต่ถ้าเรานำเงินก้อนนี้ไปทำการซื้อหุ้น scb ท่านจะมีเงินเหลือ
จากตาราง มูลค่าหุ้น SCB ในวันที่ 31 ธันวาคม 2018 จะอยู่ที่ 138.5 บาท และเราจะได้รับหุ้นมาทั้งหมด 85.58 หุ้น ทำให้เงินในพอร์ทเราเหลือเพียง 11,852 บาท ขาดทุนไป 147.17 บาท ทำให้เงินที่จะกลายเป็น passive income กลายเป็นเงินฝากระยะยาว
จุดด้อยของระบบ DCA เดิม คือ การที่ไม่สามารถทำกำไรได้หากสินทรัพย์ตัวนั้นมีแนวโน้มเป็น downtrend (ขาลง) เนื่องจาก สินทรัพย์โดยมากจะวิ่งเป็นแนวโน้ม หากอยู่ในช่วงขาลงก็จะลงในระยะเวลาหนึ่ง
เราจึงสร้าง EA ที่มีการทำกำไรหาก หุ้นหรือสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลง จนทะลุแนวรับแนวต้านเดิม และกลยุทธ์นี้ยังมีการให้นักลงทุนแบ่งการ DCA ออกเป็นหลายพอร์ท เพื่อที่จะเลือกพอร์ทในส่วนที่เป็นกำไร ออกมาใช้ได้
- หมายเลข 1 คือจุดที่เริ่มเปิด buy เมื่อ EA ทำงานทำการซื้อสินทรัพย์นั้นทันที โดยจะมีการตั้งทำกำไร 3% ของยอด balance โดยไม่มีการ stoploss โดยเมื่อ take profit จุดแรกไปแล้ว ก็จะทำการซื้อทันทีที่จุดถัดไป และรอจนถึง 3% ของยอด balance จึงทำการ take profit อีกครั้ง วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เช่น balance เริ่มต้น อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ จะทำการ take profit ครั้งแรก ที่ 103 ดอลลาร์ ครั้งต่อไปก็จะทำการ take profit ที่ 3% ของ 103 ดอลลาร์ คือ 09 ดอลลาร์แบบนี้ไปเรื่อยๆ
- หมายเลข 2 และ หมายเลข 4 เป็นโซนแนวรับ สามารถปรับเองได้ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า หากราคาทะลุราคาตรงนี้จะมีโอกาสหลุดลงไปด้านล่าง โดยเมื่อเราตั้งหมายเลข 2 และ หมายเลข 4 จะเกิดจุดทำกำไรคือหมายเลข 3 และ 5 อัตโนมัติ โดยจุด stoploss คือ จุดที่เราเข้าซื้อเป็นจุดสุดท้ายนั่นเอง
- Money management (ระบบจัดการเงิน) ให้ใส่เงินเข้าไปเท่า ๆ กัน ทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ และเปิดพอร์ตใหม่ในทุกๆครั้ง โดยผลลัพธ์ เราได้ทำการทดสอบกับสินทรัพย์ที่เป็น safe heaven อย่างทองคำ ได้ผลดังนี้
ในตารางแสดงการ DCA ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 จนถึง 30 เมษา 2019 ระยะเวลาทั้งสิ้น 10 เดือน ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่กราฟทำการยกตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ระบบ DCA สามารถทำให้กำไรได้ดี โดย ระบบ DCA แบบดั้งเดิม จะทำกำไรได้ 13.79 % แต่หากใช้ DCA by eaforexcenter จะเพิ่มกำไรเป็น 16.07%
ตารางถัดมาจะแสดงการ DCA ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2020 ถึง 30 เมษายน 2020 ระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ราคาทองคำอยู่ในช่วง sideway down วิธีการ DCA จะไม่สามารถทำกำไรได้ โดย ระบบ DCA แบบดั้งเดิม ทำให้เกิดการขาดทุน 4.21% แต่หากใช้ DCA by eaforexcenterการขาดทุนจะเหลือ 2.13% นั่นหมายความว่า Eaforexcenter ลดการขาดทุนของระบบ DCA และยังเพิ่มกำไรในระยะยาวอีกด้วย
Passive income คือ รายได้ที่เราได้รับแม้งานนั้นจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม กล่าวคือสามารถสร้างกระแสเงินสดและรายได้อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง โดยการลงทุน DCA แบบดั้งเดิม แม้จะเป็นวิธีการลงทุนที่ดี แต่หากอยู่ในช่วงที่กราฟราคาเป็น downtrend หรือ sidewaydown จะทำให้เกิดการสะสมการขาดทุนและไม่สามารถนำเงินตรงนั้นใช้ได้ดัง ตารางที่เรานำเสนอ แต่หากเราเปลี่ยนไปใช้ เครื่องมือที่ชื่อว่า DCA by eaforexcenter จะทำให้พอร์ทของเราแบ่งเป็นหลายพอร์ท และหากพอร์ทไหนที่สร้างกำไร เราก็สามารถนำกำไรออกมาใช้ได้สม่ำเสมอ แม้พอร์ทเราโดยรวมจะขาดทุน ดังเช่น ตารางขาดทุน เราจะพบว่า ในเดือนพฤศจิกายน, มีนาคม, เมษายน ยังมีบางส่วนที่เป็นกำไรนำมาใช้ได้
วิธีการใช้งาน DCA by eaforexcenter นั้นเป็นอะไรที่ใช้งานค่อนข้างง่ายครับเมื่อเปรียบเทียบกับ EA ตัวอื่นๆ เนื่องจากเน้นเรื่องของ money management เป็นหลัก โดยนักลงทุนจะต้องแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลายๆ งวดเท่ากันทุกเดือน และเปิดรัน EA ตัวนี้ไปหลายๆ พอร์ท เช่น วันที่ 1 ตุลาคม เราเปิดรันตัวนี้ ที่พอร์ท A 10,000 cent เดือนถัดมา วันที่ 1 พฤศจิกายน ก็ลงทุนที่พอร์ท B 10,000 cent ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
รายละเอียดในตัว EA จะมีดังนี้
ซึ่งความหมายแต่ละตัวเลข คือ
- dividended หมายถึง ตัวเลขที่เป็นตัวหารจำนวน balance
- tp_percent หมายถึง เปอร์เซ็นต์ที่ EA จะเริ่มทำการปิดกำไร
- zone1price หมายถึง ราคา ณ แนวต้านที่ 1 (แนวต้านที่ใกล้ที่สุด)
- zone2price หมายถึง ราคา ณ แนวต้านที่ 2
- zone3price หมายถึง ราคา ณ แนวต้านที่ 3
- zone4price หมายถึง ราคา ณ แนวต้านที่ 4
- zone5price หมายถึง ราคา ณ แนวต้านที่ 5
- takeprofit_sell หมายถึง จำนวน pip ในการปิดราคาแต่ละแนวต้าน
คู่เงินที่แนะนำ XAU/USD TF 1 Day
- นักลงทุนทำการตั้งค่า ทั้ง 8 โดยค่าพื้นฐานที่แนะนำ คือ dividended = 100,000 , tp_percent = 3 , zone ราคา ทั้งห้าโซนสามารถตั้งตามแนวรับแนวต้านได้เลย , takeprotfit_sell = 4,000
- ทำการติดตั้ง EA และ เปิดพอร์ท ลงทุนใหม่ด้วยจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน เช่น เดือนกันยายน เปิดพอร์ท A จำนวน 10,000 cent, เดือนตุลาคม เปิดพอร์ท B จำนวน 10,000 cent ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
- หากพอร์ทใดที่กำไร นักลงทุนสามารถถอนเงินบางส่วนออกมาใช้ได้
DCA by eaforexcenter คือ เครื่องมือหนึ่งที่ช่วยทำให้ฝันในการสร้าง passive income จากระบบ DCA เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งผู้ใช้ก็จำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจในระบบวิธีการทำงาน
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์